ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

ผลตอบแทนจากประสบการณ์

เมื่อคืนเป็นอีกคืนที่ happy มากเพราะพอร์ตน้ำมัน ทำ cashflow ได้สูงเป็นสถิติ รอบหลายเดือน จากการรีบาวนด์กลับทิศทางยกตัวขึ้น ทำให้ระบบ GRID เริ่มสร้างกำไร ปรับต้นทุนในโซนเทรด $40-$50 ได้ เมื่อย้อนไปอ่าน diary เขียนไว้ในปี 2013 ตอนนั้นเทรด crude oil ตอนโซน $99 เขียนแนวคิดวิธีการเทรดเรื่องการเก็บ cashflow ไว้ชัดเจน ที่ดีใจคือ ตัวเองยึดมั่นในระบบที่เราพัฒนา เทรดได้ตามแผน ไม่ว่าน้ำมัน จะเข้าสู่ภาวะโหดร้ายแค่ไหน พอร์ตผมก็ยังไม่ล้าง อยู่รอดและทำกำไรได้ต่อเนื่อง แม้จะไม่มีกำไรไม้ละหมื่นละแสน แต่เวลาที่ผ่านไป การได้เทรดทุกวัน ติดตามตลาดทุกวัน มันสร้างประสบการณ์และการเรียนรู้มากมาย นี่ต่างหากคือกำไร ที่แท้จริง ที่ผมคาดหวัง เพราะผมเชื่อว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดในปี 3 ปี 5 ปีข้างหน้าผมก็จะสามารถอยู่รอดและปรับตัวให้เข้ากับสภาวะที่เกิดได้ โดยไม่ต้องไปเสียจริต เสียเวลาเดาอนาคต เล่นไปตามระบบ ไม่หวั่นไหวไปตามข่าว ตามบทวิเคราะห์ที่ออกตามสื่อหลัก ถึงน้ำมันจะไป $10 จริงๆ ผมเชื่อว่าด้วยระบบเทรด และองค์ความรู้ที่มี โดยเฉพาะการบริหารจัดการความเสี่ยง สิ่งเหล่านี้ก็น่าจะทำให้ พ

จงให้ความรู้แต่อย่าอวดรู้

อวดรู้ กับ การให้ความรู้มันเป็นคนละเรื่องกัน สุดท้ายคนรับจะมองเห็น เจตนา ได้เอง มีน้องคนหนึ่งมาปรึกษา บอกว่าอยากแชร์ความรู้ บ้าง แต่กลัวคนจะหาว่าอวดรู้ ผมแนะนำไปเลยว่า อย่าไปสนใจคนอื่นเลย ทำไปเถอะ เพราะสุดท้าย เจตนาดี มันมีคนมองเห็นเอง แต่ก็ต้องยอมรับว่า ในโลกออนไลน์ มันมีทั้งคนอวดรู้ และให้ความรู้จริงๆ ก รณีเป็นคนฟัง บางทีต้องแยกแยะดีๆ  มองครั้งแรกอาจจะไม่เห็น แต่เวลา นี่จะเป็นตัวพิสูจน์ได้ดีเลย

ฝันให้ไกลไปให้ถึง

ว่าจะไปดู Furious 7 ทั้งที่ไม่เคยดูภาคอื่นๆเลยส่วนตัวผมไม่ชอบหนังสไตล์นี้เท่าไหร่  แต่จะไปดูเพราะ จา พนม ชอบจา พนมตรงที่ เขาสามารถพัฒนาศักย์ภาพตัวเอง ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและชอบ จนมันก้าวขึ้นไปถึงจุดที่โดดเด่นระดับโลกได้  แน่นอนว่า มันไม่ได้มาง่ายๆ จา สัมภาษณ์เด็กๆบ้านจนเกิดในชนบท แต่เขาชอบหนัง action มาตั้งแต่เด็ก จากหนังจีนกำลังภายใน อย่างยุคของเฉินหลง เขาดูหนังจบกลับบ้านมาซ้อมมาหัดคิวบู้ และศึกษาศิลปะการต่อสู้ ซ้อมหนัก และได้เข้าฝึกฝนการเป็น สตันกับ พันนา ฤทธิไกร ตอนเรียนจบม.ปลาย จากนั้นก็เดินเส้นทางนี้มาตลอด  จนปี 2535 ได้เข้าวงการแสดง เป็นตัวประกอบ สตันแมน และบทแอ็กชั่น ในหนังไทยเล็กๆน้อยๆ (ตลอดเส้นทางในวงการบันเทิง เขาเป็นสตันแมนทนเจ็บตัวแลกเงิน ในหนังหลายสิบเรื่อง มากกว่าหนังที่เขาแสดงจริงเสียอีก) จนปี 2546 ได้แจ้งเกิดกับ องค์บากและตามมาด้วย  ต้มยำกุ้ง  จุดขายไม่ใช่หน้าตา แต่คือ เล่นจริง เจ็บจริง ไม่ใช่ตัวแสดงแทน ทำให้ชื่อของ จา พนม กลายเป็นที่รู้จักทั้งไทยและต่างประเทศ แน่นอนว่าเมื่อดัง มีเงินมีชื่อเสียง ปัญหาต่างๆก็ตามเข้ามา ทั้งเรื่องธุรกิจ หนี้ส

เรียนหุ้นจากหนัง

ผมจัดอันดับ หนังเกี่ยวกับหุ้นที่นักลงทุน หรือนักเก็งกำไรไม่ควรพลาดมาให้ 10 อันดับ วันหยุด สงกรานต์ปีนี้ใคร ไม่ได้ไปไหนลองหา DVD มาชม แล้วอยากได้แง่คิดเพิ่มเติม ดาวน์โหลด ebook สรุปเรื่องราวและแง่คิดได้ที่ http://goo.gl/S14eDo ---------------------------------------- 1. Wall Street : 1987  >> ว่าด้วยวีรกรรม ของ กอนดอน เก็กโก้ ที่สะท้อนภาพความโลภ ความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด https://www.youtube.com/watch?v=FCctqbRrsBQ 2.Boiler Room  >> การหลอกลวง หลอกขายหุ้นเน่า เพื่อ ฉกฉวยผลประโยชน์บนความโลภของคน  https://www.youtube.com/watch?v=UoTx9RpL5W4 3.The Scam >> เรื่องจริงที่แมงเม่าต้องเจอ เล่ห์เลี่ยมทางการเงิน รวมถึงจุดจบของความโลภ https://www.youtube.com/watch?v=qzuNpOqtBM0 4. Rogue Trader  >> ความโลภ ที่นำมาซึ่งการเลือกเดินเส้นทางผิด ยอมทรุจริตขายศักดิ์ศรีของตัวเอง https://www.youtube.com/watch?v=vgqSVVLFmds 5.The Wolf Of Wall Street >> ความโลภ ของมนุษย์ การห

เรียนหุ้นจากหนัง: Life Without Principle

ว่ากันว่าความโลภ เป็นเหมือนพลังวิเศษที่สามารถนำคนเรามาพบกัน Life Without Principle เป็นหนังฮ่องกงที่ใช้แนวคิดเรื่องความโลภและการกระหายเงิน มาดำเนินเรื่องผูกโยงเอาตัวละครต่างๆที่ไม่เกี่ยวข้องกันมาโยงไว้ด้วยกัน หนังเรื่องนี้เป็นหนังสไตล์ฮ่องกงโดยแท้ มีทั้งนักเลง ตำรวจ ความรัก การทรยศหักหลังและหุ้น ดำเนินเรื่องแบบหลายช่วงเวลาบนสถานการณ์เดียวกัน เพื่อแสดงให้เห็นพฤติกรรมของตัวละครที่มีต่อความโลภและเงินตรา ในเรื่องราวที่แตกต่างกันไป Life Without Principle "เกมคน กลเงื่อนเงิน" เป็นเรื่องราวในช่วงปี 2554 นำเอาเรื่องของวิกฤตหนี้สินกรีซและความกังวลเรื่องวิกฤติการเงินในยุโรปมาเป็นตัวเดินเรื่อง ผสานกับความโลภและความอยากของตัวละคร ที่มีการกระทำเพื่อให้ได้เงินมาในรูปแบบที่แตกต่างกันไป โดยตัวละครแรกคือ พนักงานบริษัทหลักทรัพย์สาว (เดนีส โห) ที่ถูกกดดันจากหัวหน้าให้ขายหน่วยลงทุนที่ลงทุนในประเทศ BRIC ให้ได้ตามยอด ด้วยความกดดันทำให้เธอต้องพยายามหาลูกค้ามากมาย  Teresa  พนักงานบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งความต้องการจะขายหน่วยลงทุนในยามเศรษฐกิจไม่แน่นอน ทำให้เธอต้องยอมหรอก

เทรดเดอร์อาชีพ

การเป็นเทรดเดอร์อาชีพ มันไม่เกี่ยวกับกำไร/ขาดทุนอย่างเดียว แต่คนจำนวนไม่น้อย ยังไปเข้าใจว่า มันคือเรื่องสำคัญ ทำให้ยังติดกับการจะเป็นผู้ชนะทุกครั้ง แล้วยังชอบนำมาอวด มาแข่งขันกัน ทำให้คนที่ไม่มีไม่ได้อิจฉากันไปอีก แต่จากที่ผมเห็นกำไรไม้เยอะๆเร็วๆที่มาโชว์ มันเป็นกำไรที่ไม่ได้มาจากความต่อเนื่อง มันมาจากภาวะตลาด มาจากปัจจัยเสริมอื่นๆเสมอ สำหรับผมกำไรแบบนั้นผมเรียกว่า "โชคดี" คนเป็น full time trader หรือเทรดเป็นอาชีพ เราไม่สามารถเอาผลตอบแทนไป ผูกกับภาวะตลาดหรือโชคได้เลย ไม่ใช่ตลาดแย่ ก็ไม่มีกำไร ตลาดดี กำไรมากมายมีเงินเยอะ เพราะถ้าเทรดเป็นอาชีพ ตลาดแย่ ตลาดเลวร้ายแค่ไหน ตัวเราก็ต้องกิน ลูกเมีย ครอบครัวก็ต้องกินต้องใช้เพื่อดำรงชีพ ดังนั้น การพัฒนาทักษะ(การตัดสินใจ)+ พัฒนาระบบเทรด มันต้อง มีความแข็งแรงแข็งแกร่งมาก(เป็นที่มาที่ว่าทำไมงานของเทรดเดอร์อาชีพจึงไม่ง่ายไง เพราะต้องฝึกฝนต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองตลอด) และไม่ขึ้นกับสภาวะตลาด และไม่ขึ้นกับโชคชะตา จุดบอดของเทรดเดอร์ คือการ เอาจิต ไปผูกติด กับผลกำไรขาดทุน เพราะเมื่อจิต คุณติดกับตรงนั้น ในภาวะที่เกิดความไม่ปกติ เ

New global debt crisis

ช่วงนี้เห็นมีแต่คนพูดว่า เศรษฐกิจจะแย่ บ้างก็มีคำว่าฟองสบู่ออกมาแล้ว (อสังหาบ้าง ,กลุ่ม IT ของอเมริกาบ้าง) ยังไม่นับประเด็นลบต่างๆก็ว่ากันไป  ผมเองเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในตลาด สิ่งที่ทำไม่ได้ไปเต้นตามความคิดเห็นพวกนี้เท่าไหร่ แต่รับฟังข้อมูล มากกว่าข้อคิดเห็น คล้ายกับที่ผมฟังเหตุผลของกูรูที่ออกมาเดาตลาดหุ้นจะไป 1700 1800 2000 จุดตอนต้นปีนั้นแหละ คือใครว่าอะไรมา ผมฟังหมด จะฝ่ายเชียร์ หรือฝ่ายแช่ง แต่ผมไม่เชื่อกูรูหรือเซียนคนไหนสักคน ผมจะเชื่อในการคิดการวิเคราะห์ของตัวเองมากกว่า แม้จะผิดจะถูกก็ไม่เป็นไรเพราะเราได้ลงมือทำด้วยตัวเอง(ผิดก็ได้เรียนรู้) พอพูดเรื่องเศรษฐกิจไม่ดี พูดเรื่องปัญหาการเงิน เลยขอเอาตัวอย่างบทความน่าสนใจของ economist มาให้พวกเราดูกัน เขาเขียนเรื่องของ new global debt crisis โดยยกงานวิจัยเรื่อง  resilience indicator ของคุณ Rojas-Suarez ซึ่งทำวิจัยเก็บข้อมูลเทียบตั้งมาต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติการเงินปี 2008 paper นี้เป็นตัว Update ข้อมูลล่าสุดปี 2014 ดังภาพ ลองเทียบกันดูว่าประเทศไหนดีขึ้นหรือแย่ลงเพียงใด โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ที่หลังซับ

Historical Volatility

เอามาโน๊ตไว้ให้ดูนะครับเห็นน้องบางคนรีเควส อยากอ่านเรื่องยากๆ ผมชอบเขียนบทความ สอนเรื่องที่มันเข้าใจง่าย ไม่ต้องชะโงกคอ อ่านหรือตีความหลายตลบ เลยพยายามไม่เขียนอะไร ซับซ้อนเต็มไปด้วยสมการ กราฟ ตาราง อะไรแบบนั้น  ผมตอบคำถามเรื่อง volatility เยอะมาก พอเอา paper ให้อ่านก็เงียบกันไป แล้วก็มีมาถามใหม่ อยากเรียนรู้ลองศึกษาดูครับ เขียนสรุปเอาไว้ให้เลย จบ ตัวอย่าง ในการคำนวณ Historical Volatility ทำไว้แบบ step by step เลย คราวหน้าใครถาม จะได้ไม่ต้องมาอธิบายซ้ำ ในบ้านเราไม่มีโปรแกรม หาให้ ผมเองเทรด หรือทำระบบ ก็เขียนโปรแกรมคำนวณเอง ดังนั้น มันทำให้ผมต้องลงไปทำความเข้าใจในระดับ สมการ  มันช่วยอธิบายให้เห็นภาพ เห็นกลไกการวิเคราะห์ได้ดีมากยิ่งขึ้น  Historical Volatility เป็นค่าคุณสมบัติของพฤติกรรมราคาดูการเบี่ยงเบน หรือการแปรผันของ ราคาหุ้น ราคาสินทรัพย์เทียบกับอดีต คำนวณได้อ่านได้ มันเอามาประเมิน volatility ในอนาคตได้อีก และถ้าเข้าใจ รู้ source การเกิด volatility มันก็ช่วย ในการประเมินความเสี่ยงและสภาวะการณ์ได้ดีมาขึ้น และใช้ volatility ช่วยตัดสินใจในการดำเนินกลยุ

อย่าหวังทางลัด

มีคำถามเยอะมากที่ผมไม่ได้ตอบ คือคำถามประเภททำยังไงให้เก่ง ให้รวย เพราะคำถามแบบนี้ตอบไปมัก จะไม่โดนใจคนถาม ซึ่งส่วนใหญ่มักอยากได้โซลูชั่นสำเร็จรูปแบบ รู้ลัดเป็นเร็ว  แต่ผมชอบตอบคำถามหรือสนทนากับคนที่อยากรู้ อยากเรียนอยากศึกษามากกว่า เพราะเวลาตอบหรือแนะนำอะไรไป คนฟังเขาสนุกที่จะไปค้นหาไปเรียนรู้ต่อ หลายปีในตลาดหุ้น สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้เลยคือ มันไม่มีทางลัด อยากเก่งอยากรู้ต้องลงมือทำ ลองมากๆและเรียนจากความผิดพลาดที่เกิด  จนวันหนึ่งเราจ ำกัดหรือขจัดความผิดพลาดเหล่านั้นได้ เราก็จะพบกระบวนการหรือวิธีทางของเราเอง แต่สิ่งเรานี้ไม่ได้เกิดในวันสองวันหรือเดือนสองเดือน มันใช้เวลา การหวังทางลัด มันจึงเป็นเส้นทางหายนะเพราะ เมื่อเราเลือกทางนี้ก็จะไปเข้าทางตีนคนที่หาผลประโยชน์ทางนี้ที่ดักรอสูบเราอยู่ พูดถึงเรื่องทางลัด ทำให้นึกถึงหนังเรื่อง limitless พระเอกเป็นนักเขียนไส้แห้ง จน และกำลังตีบตันทั้งไอเดียและอนาคตในชีวิต เขาเลือกใช้ยาวิเศษ NZT ยาที่ทำให้กลายเป็นอัจริยะข้ามคืน สามารถใช้สมองได้ 100% รู้ทุกอย่าง เข้าใจทุกอย่างที่ยากๆได้ในไม่กี่นาที  แล้ว พระเอกเอ๊ดดี้ มอร์รา ก็วิ่งเข

Trader Talk

เคยบอกหลายครั้งกับน้องๆเทรดเดอร์ว่า ถ้าอยากพัฒนาตัวเองต้องหาเป้าหมายหรือหาตัวอย่าง และเรียนรู้จากคนเหล่านั้น เทรดเดอร์ระดับอาชีพเมืองนอกมีเยอะที่ประสบความสำเร็จจริงๆ  ไม่ใช่แค่ภาพหรือเปลือกนอก พวกนี้มีทั้งองค์ความรู้และผลงานที่เกิดจากการทำกำไรต่อเนื่องอยู่รอดในตลาดมาหลายสิบปี(ไม่ใช่ปีสองปีและมาอวยกันอะไรแบบนั้น) การอ่าน การฟัง การติดตามคนเหล่านี้มันจะทำให้เราได้ทั้งความรู้ วิธีคิดและเทคนิคใหม่ๆ รวมถึงได้ไฟ และมองเห็นกระบวนการรับมือกับความผิดพลาดต่างๆ  ผมแนะนำเว็บหนึ่งที่ผมติดตา ม ประจำทุกสัปดาห์ เว็บนี้ชื่อ tradertechtalk.com โดยคนทำนี้ก็เป็นนักพัฒนา robot มือเทพคนหนึ่งชื่อ John Verbrugge  เขาจะเน้นการหาเทรดเดอร์และนักพัฒนาสาย Systematic Trading มาสัมภาษณ์ ออกรายการและเผยแพร่ให้เราฟังฟรี ไม่คิดเงิน แต่ละคนที่คัดมานี่ระดับตำนานทั้งนั้น  ผมแนะนำน้องๆที่เดินทางนี้ ลองเข้าไปศึกษาและลองฟัง podcast สัมภาษณ์ดูนะครับ ผมคัดตอนสำคัญๆจาก Top Trader มาให้ดังนี้ 1.  ‪#‎ Howard‬ -Bandy : เทพสาย Quant. ถ้าเคยอ่านหนังสือหรือบทความเข้าจะรู้จัก http://blog.tradertechtalk.com/