ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ มือใหม่

ตลาดหุ้นอเมริกา กับกระแส Metaverse

  ตลาดหุ้นไทยเหมือนกระแสหุ้นขุดเหมืองคริปโต จะมาแรงดันราคาหุ้น แต่ในอเมริกา story ที่ เมตาเวิร์ส (Metaverse) นี้เป็นประเด็นบวกที่สร้างกระแสดันราคาได้มาต่อเนื่องจากต้นปี หุ้นหลายตัวที่กำลังเดินหน้าลงทุนพัฒนาธุรกิจรองรับโลกสเมือน Metaverse แบบเต็มตัว เช่น ออกตัวแรงสุดคือ Meta หรือ Facebook พัฒนาเกมส์และ application (แต่ราคาก็มาแห้วเพราะผลประกอบการล่าสุดที่ออกมา), Nike แบรนด์รองเท้าและเสื้อผ้ากีฬา พร้อมที่จะออกผลิตภัณฑ์แบบ NFT บนโลกเสมือน , มาแรงอีกรายก็คือ Microsoft ที่มีแผนเพิ่มความสามารถของโปรแกรมยอดนิยม Teams และ PowerPoint ให้กลายเป็น Metaverse เริ่มทดสอบกับฟีเจอร์การสนทนาและการประชุมออนไลน์แบบเสมือนจริง ,รวมถึงล่าสุดคือดีลยักษ์ เข้าซื้อ Activision Blizzard บริษัทเกมส์ออนไลน์ เจ้าของเกมส์เช่น เช่น Warcraft, Overwatch, Call of Duty และ Candy Crush ในมูลค่า 68.7 พันล้านดอลลาร์ ที่คาดว่าจะเป็นอีกหัวหอกในการพัฒนาแพลตฟอร์ม Metaverse ให้ Microsoft เมื่อคืนตัวหนึ่งที่เป็น ผู้เล่นรายใหญ่ด้าน Metaverse เช่น Roblox แพลตฟอร์มเกมออนไลน์เจ้าดัง ก่อนหน้ามี story หรูๆดันราคามาตลอดตั้งแต่ต้นปี

Why The Middle-Class Is Disappearing

  Middle-Class คือ คนชั้นกลาง , คลิปข่าวเชิงสารคดีนี้นำเสนอประเด็นปัญหา Middle-Class ในอเมริกาและอีกหลายประเทศส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบันได้ดี ประเด็นที่เขาพยายามจะสื่อว่าอนาคต Middle-Class (รายได้ $35,000 - $100,000 ต่อปี) กำลังจะหายไป เหลือแต่ High Class คนรวย กับ Low class คนที่จน โดยจากผลการศึกษาพบปี 2019 ในอเมริกา มีจำนวน Middle-Class ราวๆ 51% ลดจากปี 1971 ที่ 61% เพราะทุกวันนี้ Middle-Class ที่ไต่เต้ามาจากคนชั้นล่างหรือคนชั้นกลาง ไม่ได้อยู่สุขสบายแบบอเมริกันดรีมที่โฆษณากัน , คนชั้นกลาง มีงานประจำ มีบ้าน มีรถ มีครอบครัว+มีลูก แม้จะได้ทุกอย่างครบ ดูดีดูเหนือจนคนชั้นล่างอิจฉา แต่เอาจริงๆ ชีวิตไม่ได้สุขสบาย ปลอดภัย เพราะต้องมีหนี้ก้อนโต(หนี้การศึกษา,หนี้บ้าน,หนี้รถ,หนี้บัตรเครดิต ที่ต้องจ่าย) บางช่วงอาจจะมีปัญหาด้านสภาพคล่องทางการเงินกันทั้งนั้น(ประสบกับภาวะความจน ในบางปี บางช่วงของชีวิต) , ทำให้เมื่อมีทุกอย่างครบ เป็นคนชั้นกลางโดนสมบูรณ์ โชว์เพื่อนบ้าน โชว์ญาติพี่น้องได้ แต่ก็ต้อง ทำงาน กันไปจนเกษียณหรือเกินเกษียณ เพื่อให้หมดหนี้ , ปัจจุบัน ยิ่งค่าครองชีพที่สูง รายจ่ายครอบครัวที่มาก,ค่าเ

Bond ETFs

  ผมตาม BondETF มาตั้งแต่ต้นปี หลายกองเริ่มขยับปริมาณเงินทุนไหลเข้าแบบมีนัยยะมากขึ้น ,เหตุผลหนึ่งที่นวค.มองไว้คือ ประเด็น รัสเซีย-ยูเครน ที่ความเสี่ยงจะเกิดสงครามมีสูงมากขึ้นทุกขณะ , เงินทุนมีโอกาสออกจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสู่ตลาดพันธ์บัตร (สินทรัพย์ปลอดภัย) มากขึ้น ประเมินว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10Y อาจจะพุ่งแตะ 2% ในปีนี้, บวกกับในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นของปี 2022 ยิ่งทำให้ Earning Yield Gap แคบลงเรื่อยๆ สร้างแรงดึดดูดเม็ดเงินให้ไหลกลับเข้าสู่โหมด RiskOff มากขึ้น Bond ETF ก็คือกองทุน ETF ที่ไปลงทุนในตลาดพันธ์บัตร ,ข้อดีคือมีสภาพคล่องสูง(กว่าการเทรดพันธ์บัตรโดยตรง),ซื้อขายสะดวก และใช้เงินทุนจำนวนไม่มากก็สามารถซื้อได้(ถ้าซื้อ Bond โดยตรงอาจจะใช้เงินขั้นต่ำที่สูงกว่า) ,แต่ละกองทุน Bond ETF โดยเฉพาะกองทุนในสหรัฐ ก็จะกระจายการลงทุนในตราสารหนี้หลายรุ่น บางกองมีผสมทั้งตราสารหนี้รัฐบาลและเอกชน{เสี่ยงปานกลาง+เสี่ยงต่ำ} เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยง , โดยผลตอบแทนจากซื้อกองทุนได้จาก กำไรจากส่วนต่างราคาซื้อขายของหน่วยลงทุน และดอกเบี้ยที่กองทุนจ่ายให้แบบปันผล ประเภท Bond

เทคนิคการพัฒนาทักษะการเทรดด้วย Paper Trading

  Paper Trading นี้เป็นการลงมือฝึกเทรดในสนามจริง ข้อมูลจริง Realtime แต่ใช้เงินจำลอง เป็นการฝึกเรียนรู้ การเทรดแบบตัดภาวะทางอารมณ์(จิตใจ)ไปก่อน เพื่อให้เราได้เห็นถึง "การลงมือเทรด" และ "แผนการเทรด(Strategies+Tactic+MM)" ของตัวเราได้จริงๆ และใช้นิยามปัญหาที่เกิด เพื่อการปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ ปัจจุบันโปรแกรม Trading View สามารถทำ Paper Trading ได้ฟรี ,กับทุกคลาด ทั้ง Stock, Forex , Cryptocurrency สะดวกมากในการเก็บ Trading record และการบันทึก Journal เพื่อวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ โดยในคลิปนี้ผมสอนวิธีการฝึกเทรด ด้วย Paper Trading ให้พร้อมการประเมินผลตามแนวทางของ McDowell Model ให้ด้วย เพื่อที่จะนำไปปรับใช้ต่อไปครับ Paper Trading : ลองเทรดด้วยกลยุทธ์การเทรดในตลาดจริง แบบตัดภาวะทางอารมณ์ เหมาะสำหรับ 1. มือใหม่ ไม่รู้อะไร เพิ่งเริ่มเทรด จงทำ 2. ได้เรียน ได้เจอระบบ กลยุทธ์เทรดใหม่ๆมา ควรทำ (ก่อนเทรดเงินจริง) 3. เทรดเงินจริง แล้วผลงานเริ่มไม่ดี สับสน ขาดทุนต่อเนื่อง , ควรจะต้องทำ (เพื่อทบทวนและเจาะปัญหาการเทรด ว่าเกิดจากกลยุทธ์ หรือ จากจิตใจของตัวเรา) สุดท้าย ก็แล้วแต่บุคคล

A History of the United States in Five Crashes

  เทรดตลาดหุ้นสหรัฐ ทำให้ได้อ่านหนังสือ A History of the United States in Five Crashes ของคุณ Scott Nations จบ ไม่ได้เป็นหนังสือด้านการเทรด โดยตรง แต่เป็นหนังสือแนวประวัติศาสตร์วิกฤติตลาดหุ้นสหรัฐ ที่ดีมากเล่มหนึ่งเลยที่ผมมีโอกาสได้อ่านมา โดยหนังสือจะทำให้เราเข้าใจ ตลาดหุ้นสหรัฐ และความไม่ปกติ ที่เกิดขึ้น ในอดีตได้ดียิ่งขึ้น วันนี้จับมารีวิวและทำสรุปประเด็นสำคัญ เลยมีโอกาสลงไปหาข้อมูลพฤติกรรมตลาดสหรัฐ ในช่วง 100 ปีย้อนหลังมาประกอบโดยเฉพาะช่วงวิกฤติปี 1987 ตอนเกิด Black monday ว่าคล้ายคลึงกับปัจจุบันมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเรื่องบทบาทของ Fed กับมาตรการเข้มงวดทางการเงิน&อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น,การเพิ่มสูงของ inflation, ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มรุนแรง, ความขัดแย้งระหว่างประเทศ(รัสเซีย vs ยูเครน+สหรัฐ+ NATO) และช่วงภาวะ Bull market ต่อเนื่องหลายปี แต่จากอดีตไม่มีใครสามารถเดา วัน/เวลา การเกิดวิกฤติที่แน่นอนได้ และที่สำคัญวิกฤติตลาดหุ้นใหญ่ 5 ครั้งเกิดหลังจากช่วงผลตอบแทนของตลาดหุ้น เป็นบวก(>15%ต่อปี) ติดต่อกัน 2 ปีติด เช่น Black Monday(1987) , ดัชนี DJ ในปี 1985 1986 , +28% และ +23% หรือ วิกฤต

The Short Seller

Short Seller คือเทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์การเทรดในทิศทางราคาขาลง การเทรด สร้างผลตอบแทนจากการถดถอยของ ราคาหุ้น ราคาสินค้า หาประโยชน์ จากความไม่มีประสิทธิภาพของตลาด, ราคาที่ไม่สะท้อนภาวะพื้นฐานที่แท้จริง เช่น การเกิดราคาฟองสบู่, การเกิด Overpricing  สัปดาห์นี้ได้ย้อนไปดู Dirty Money ทาง Netflix อีกรอบ เลยทำให้อยากทำคลิปเกี่ยวกับ Short seller ท่านหนึ่งให้พี่น้องเทรดเดอร์ได้รู้จักกัน เธอชื่อ Fahmi Quadir , เจ้าของฉายา "นักฆ่า"(assassin) ประสบการณ์โฉกโชนในตลาดหุ้น wallsteet  เธอเป็น short seller สายวิเคราะห์ความไม่ปกติในธุรกิจและใช้ความบิดเบี้ยวของราคา ในการหาจังหวะเข้า short selling เพื่อทำผลตอบแทน ปัจจุบันเธอเป็น Fund Manager ที่ Safkhet Capital Management (AUM $85 million ) บริหารพอร์ตสาย short selling  ในสารคดี  Dirty Money ตอน Drug Short เล่าเรื่องของการเข้า short ของเธอได้น่าสนใจมาก กับกรณีของ Valeant Pharmaceuticals แนะนำให้ลองหามาชมกันครับ,  ส่วนถ้าใครสนใจการเทรด short selling แบบเต็มๆ ลองชมคลิปบรรยายเกี่ยวกับประวัติ เส้นทางอาชีพ และแนวคิดการเทรด ของเธอคนนี้แบบละเอียดได้ ในหั

บันทึกหุ้น FB (ในวันที่ Meta ไม่มหานิยม)

  เมื่อคืนมีประเด็นน่าสนใจในตลาดหุ้นสหรัฐ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Tech ใหญ่ในก๊วน FAANG ที่พอประกาศผลประกอบการออกมา ราคาไปคนละทางเลย ตัวที่ผลประกอบการออกมาดี ราคาสดในมาก เช่น Amazon ส่วนตัวที่แย่หนักเช่น Meta หรือ Facebook ก็ทำเอา panic sell แบบสุดๆ ผลประกอบการณ์ Q4/2021 ออกมาแย่กว่าคาดราวๆ -4% ที่ต้องบอกว่า panic sell เพราะราคาลงทิ้งดิ่งเลย เปิดตลาดมา 244.3 ราคาดิ่ง -24% ก่อนไป low ที่ 238 แล้วมีแรงซื้อกลับมา 248 โดยเทขายอีกรอบ ปิดแถว 237.77 สิริราคาลงไป -26% กว่าถือว่าหนักมาก ในรอบหลายปี ที่หุ้นอันดับต้นของตลาดจะลงขนาดนี้ วันเดียวมูลค่าตลาดหายไป -$237.6 billionเลย ความน่าสนใจคือ จริงๆผลประกอบการแย่ แบบผิดคาดสำหรับ facebook นั้นเคยเกิดมาก่อนแล้ว ในอดีต แต่ราคาไม่เคยปรับลงแรงขนาดมากกว่า -20% มากก่อน (ลงแรงสุดสมัยปี 2018 ราวๆ -19% แต่ recover กลับมาแบบโครตเทพใน ปีต่อมา), ครั้งนี้ปัจจัยส่งน่าจะมาจาก ราคาหุ้น ที่ over value โป่งมามากจากความคาดหวังอนาคต ที่มาร์คไป สร้างไว้ , พองบออกมาไม่ดี ทำให้ราคาตอบสนองแรง เรื่องงบไม่ดีนี้มีหลายปัจจัย อันหนึ่งที่มาร์ค โทษคือ ฟีเจอร์ ATT ของ Apple จะทำให้

4 แนวทางเอาตัวรอดในตลาดหุ้นปี 2022

ทุกตลาดไม่ว่าจะหุ้น,ค่าเงิน,คริปโต มันล้วนมีช่วงเวลาที่ดีและไม่ดี{1}, ถ้าจำแนกในช่วงพฤติกรรมราคา มีทั้งปกติและผันผวน , หรือจำแนกตามแนวโน้มมีทั้งขาขึ้น(Up Trend, Bull market), ขาลง(Down trend , Bear market)และออกข้าง(sideway) ทุกอย่างมันเหมือนที่ Dr. Andrew W. Lo อธิบายไว้ตามทฤษฏี adaptive market มันเปลี่ยนได้เสมอ และมันไม่คงตัว ดังนั้นแทนจะไปมองการเทรดหรือการเก็งกำไรแบบ Binary คือใช้ได้ กับใช้ไม่ได้, เพื่อการอยู่รอด ต้องปรับมุมมองใหม่ให้ ลึกขึ้น เทรดเดอร์หัดต้องปรับตัว ตามพฤติกรรมตลาดให้เป็น , องค์ความรู้หรือทักษะของเทรดเดอร์ เพื่อการอยู่รอด มันมากกว่าการส่องกราฟเทคนิคอล เช่นเบื้องต้นเราต้องรู้จัก 1. รู้จักบริหารความเสี่ยง รักษาเงินทุน เพื่อรับช่วงเวลาไม่ดีและเพิ่มประสิทธิภาพของผลตอบแทนในช่วงเวลาตลาดผันผวน มันไม่มีกฏตายตัวที่ว่า คุณจะต้องเทรดหนักเทรดเท่าเดิมตลอดไป, หรือจะไม่เสี่ยงไม่ใช่ leverage เลยโดยเฉพาะช่วงตลาดปกติที่ดี ดังนั้น ต้องหัดสร้างแผนการเทรดที่แปรผันตามปัจจัยแวดล้อม {1} และ {2} ให้เป็น 2. รู้จัก Asset allocation & Rebalancing : อย่าพึงพาตลาดเดียว, เพราะบางเวลา ตลาดหน

Survival Guide for Traders

  รีวิวหนังสือเล่มนี้ ชื่อ "Survival Guide for Traders: How to Set Up and Organize Your Trading Business" ของคุณ Bennett A. McDowell ออกวางปี 2011 เขาเป็นเทรดเดอร์ที่เริ่มมาจากการเป็นโบรกเกอร์ของบริษัทดัง ทำงานอยู่ในตลาดหุ้นมายาวนานหลายสิบปีมาก , และเขายังเขียนหนังสือด้านบริหารจัดการเงิน ชื่อดังอย่าง A Trader's Money Management System หนังสือเล่มนี้ที่ผมซื้อมานานพอควรแล้วเมื่อ 5ปีก่อน ต่อมาจากเล่ม Money Management ของเขา แต่เนื้อหายังทันสมัย และเป็นอีกเล่มที่เวลา น้องๆเทรดเดอร์มือใหม่ ขอให้แนะนำ ผมมักจะแนะนำเล่มนี้ไป โดยรวมหนังสือ เน้นเรื่องแนวทางการเทรด เพื่อการอยู่รอดในตลาดเก็งกำไร ซึ่งผมใช้เป็นแนวทางส่วนตัวอยู่แล้วด้วย ในเล่มผู้เขียนใช้แนวคิด เรื่องการสร้างระบบการเทรด เหมือนการทำธุรกิจ โดยเขาอธิบายเรื่องราว และวิธีคิดได้อย่างเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน , แบบเป็นขั้นเป็นตอนดีมาก ตั้งแต่เริ่มต้นทำความเข้าใจเรื่องต่างๆ, องค์ความรู้ด้านการทำระบบเทรด, กลยุทธ์การเทรด และการบริหารเงิน(Money Management) ซึ่งเป็นเหมือนส่วนประกอบสำคัญ ในการอยู่รอดในตลาด สิ่งที่ผมชอบอีกอย่าง คือ เล่มนี

The Road to Red Restaurants List

  รีวิวซีรีย์ญุี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่เพิ่งดูจบ เรื่องนี้ชื่อไทยว่า "มนุษย์เงินเดือนตระเวนชิม ภารกิจชิมอาหารใกล้สูญพันธุ์" คือเป็นซีรีย์อาหารที่อยากดู แต่ไม่คาดหวังอะไรมาก อาจจะเพราะหน้าปกซีรีย์ดูธรรมดามาก หน้าตาดารานำก็ไม่ดังแถมดูเหมือนเป็นคุณลุงธรรมดา แต่พอได้เข้าไปดูเพราะคำโปรยที่น่าสนใจ เท่านั้นแหละทำให้ติดใจในเนื้อหาของซีรีย์อาหารเรื่องนี้เลย รีวิวแบบไม่สปอยมาก คือซีรีย์เรื่องนี้ เล่นกับปมชีวิตพ่อบ้านมนุษย์เงินเดือนช่วงวัย 40 ปี ทำงานประจำแสนน่าเบื่อ ไม่ได้ท้าทายหรือมีความหมายอะไรกับชีวิต แถมงานที่ทำต้องเจอกับปัญหาจากลูกค้า ,จากลูกน้องและเรื่องกดดันจากเจ้านาย , รวมถึงภาวะสูญากาศในครอบครัว(ช่วงลูกวัยรุ่น+แต่งงานเกือบ 20 ปี) เลยทำให้อยากหาเวลาปลดปล่อยส่วนตัว ซึ่งเขาก็เริ่มจากการขับรถออกไปเที่ยวต่างเมืองช่วงคืนวันศุกร์และเสาร์ ซึ่งเป็นช่วงที่ ภรรยาและลูกสาวไม่อยู่บ้าน(ออกเที่ยวทัวร์ชมคอนเสริ่์ตของนักร้องไอดอลวงโปรด) ซึ่งกิจกรรมที่คุณ Tamio Suda ทำก็แค่ขับรถไปจอดแล้ว นอนบนรถมินิแวน เช้าออกหาร้านอาหารกินก่อนกลับ แต่แกก็มีกฏเล็กๆคือ ออกเดินทางคืนวันศุกร์และต้องกลับบ้านภายในวันเส

สิ่งสำคัญ สำหรับอนาคต

  ออกไปกินข้าว ได้ยินโต๊ะข้างๆเป็นคุณลุงคนหนึ่งกำลังสอนลูก คุณลุงแกพูดดีมาก จับใจความได้ว่า "ให้พิจารณาดีว่าความมั่นคงในชีวิตของเรา มันตั้งบนอะไร ตั้งบนโชค ตั้งบนตำแหน่งหน้าที่ หรือตั้งบนทักษะความสามารถ" >> "โชค" มีได้ก็หมดได้ >> "หน้าที่การงาน" ถ้าทำผิดพลาดหรือมีคนอื่นที่ทำงานดีกว่าเรา ตำแหน่งหัวโขนนั้นก็ถูดปลดได้ >> แต่ถ้าเราขยัน หมั่นเพียร พยายามสร้างความมั่นคงในชีวิต สร้างบน "ทักษะความสามารถ" ที่แท้จริงของตัวเอง พัฒนาให้มีจุดเด่นเหนือกว่าคนทั่วไป โอกาสที่จะลำบากหรือตกต่ำก็จะยาก เพราะทักษะความสามารถ ที่เกิดจากการทำจนชำนาญ ทำจนรู้แจ้งรู้จริงจะเป็นหลักยึดและพึ่งพิงได้ตลอดไปไม่รู้จบ ลุงแกให้พร ลูกให้กำชับให้ ไม่หลงระเริง ตั้งใจเรียน ตั้งใจพัฒนาตัวเองมากๆ ผมว่ามันเป็นคนสอนที่ดีจริงๆ ทุกวันนี้ด้วย เวลาที่ผ่านไปเร็ว เราอาจจะหลงลืมไปได้เหมือนกันว่า ความมั่นคงในชีวิตเรามันตั้งอยู่บนอะไร บางครั้งอาจจะหวังพึ่งโชค พึ่งคนอื่นมาเกินไป พอมารู้ตัวอีกทีก็อาจจะสายไปแล้ว

หนทางสู่ความสำเร็จ แบบฉบับปรัชญาเซน

ผมชอบเรื่องนี้ ไปอ่านเจอในหนังสือเก่าเลยอยากนำมาฝาก เพื่อนๆเทรดเดอร์ให้ได้อ่านกัน ................................  เหล่าศิษย์ถามอาจารย์เซนว่า ท่านอาจารย์ ทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ อาจารย์ตอบว่า "วันนี้พวกเจ้าจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่ธรรมดาที่สุด และง่ายที่สุดนั่นก็คือให้ทุกๆคนแกว่งมือไปข้างหน้าให้ไกลที่สุด จากนั้นแกว่งไปด้านหลังให้ไกลที่สุด" เมื่อกล่าวจบจึงทำให้ลูกศิษย์ดูหนึ่งรอบ นับตั้งแต่วันนี้ไปเข้าจงทำเช่นนี้ติดต่อกันวันละ300ครั้ง ทุกๆวัน ทุกคนสามารถทำได้หรือไม่ บรรดาศิษย์ เซนพากันสงสัย จึงเอ่ยถามว่าจำทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร อาจารย์เซนพูดว่า หากพวกเจ้าปฏิบัติได้สำเร็จอีก1ปีให้หลัง พวกเจ้าจะรู้หนทางสู่ความสำเร็จ เหล่าศิษย์จึงคิดตรงกันว่า เรื่องง่ายๆ เช่นนี้ใครๆก้ย่อมทำได้ เวลาผ่านไป1เดือน เหล่าศิษย์ก็ต่างทำกันเป็นออย่างดี เวลาผ่านไปอีกหลายเดือน ก็มีคนปฏิบัติอยู่ครึ่งหนึ่ง เมื่อครบ1ปีตามที่กำหนดกลับพบว่ามีเพียงผู้เดียวที่สามารถทำได้ อาจารย์เซนจึงพูดกับศิษย์ทั้งหมดว่า "ในโลกนี้สิ่งที่ทำได้ง่ายดายที่สุด ก็มักจะเป็นสิ่งที่ทำได้ยากเย็นที่สุดและสิ่งที่ยากเย็นที่สุดก็สามารถจะ

The Global Risks Report 2022

เช้านี้ผมมีโอกาสได้อ่านรายงาน The Global Risks Report ของ World Economic Forum รายงานออกมาทุกปีเพื่ออธิบายปัจจัยความเสี่ยงของโลก ก่อนหน้าการประชุมใหญ่ Davos World Economic Forum ปีนี้น่าสนใจคือ นอกจากเรื่องโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ที่เป็นประเด็นใหญ่ปัญหาระยะยาวมาหลายปี, และเรื่อง COVID-19 ทั้งการแพร่ระบาดและปัญหาผลกระทบที่ตามมาสำหรับคนป่วยและครอบครัว ซึ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม ปีนี้มีประเด็นเรื่องการแข่งขันทาอวกาศ(space exploitation) ที่รายงานระบุการแข่งขันมากใช้ทรัพยากรบนโลกมาก สร้างความแออัดบนวงโคจรในอวกาศที่มากตาม และเรื่องความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์(cross-border cyberattacks and misinformation) ที่ โลกยุคใหม่ พึ่งพาการใช้ชีวิตแบบออนไลน์มากขึ้น ทั้งเรื่องของการเงินและเรื่องของข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้กลายเป็นเป้าหมายของการโจมตี , เช่นเดียวกับอาชญากรรมออนไลน์ การขโมยข้อมูล ,การเจาะระบบ,การ randsome อื่นๆเกิดมากขึ้นกับองค์กร หรือหน่วยงานต่างๆ ทำให้ควรจะวางแผนจัดการและรับมือ Risk ให้ดี ผลสำรวจมุมมองความเสี่ยงในอนาคตปี 2021-2022 กว่า 23.0% วิตกกังวล, 61.2% ตระหนักถึงปัญหา

Pixie Curtis นักธุรกิจวัยเยาว์เงินล้าน

Pixie Curtis ปัจจุบันเธออายุ 10 ขวบแต่เธอก็เป็นเจ้าของธุรกิจ ขายของเล่นชื่อ Pixie's Fidgets ที่เพิ่งก่อตั้งได้ปีกว่าๆ และบริหารงานโดยคุณแม่ของเธอ Roxy Jacenko ,นอกจากบริษัทของเล่นแล้วเธอยังมีบริษัท Pixie's bows ที่ขายพวกเครื่องประดับ ตกแต่งผมสำหรับเด็กๆที่เธอเป็น นางแบบขายสินค้าตั้งแต่ปี 2014 บน Pixie’s Instagram อีกด้วย (ซึ่งด้วยการนำเสนอและความน่ารักของเธอก็ทำให้ มีคนดังราคาจำนวนมากเป็นลูกค้าและบอกต่อเรื่องราวของเธอ) ความน่าสนใจของพาดหัวข่าวนี้คือเล่มเรื่อง Retire ระดับหลายล้านเหรียญของ Pixie Curtis แต่เบื้องหลังความสำเร็จมากจากคุณแม่ Jacenko ที่เธอเป็นนักธุรกิจ และนักการตลาดที่เก่ง เธอใช้ลูกสาว Pixie Curtis เป็นผู้โปรโมท สินค้าของเล่น,และเกมส์ต่างๆ ผ่านการตลาดออนไลน์ ซึ่งด้วยภาพลักษณ์และเรื่องราวการทำธุรกิจของ Pixie ก็ทำให้มีคนติดตามเธอกว่า 100,000 บน Instagram , ซึ่งก็ทำให้กลายเป็นฐานลูกค้าในการทำธุรกิจ ของเธอ จนสามารถสร้างกำไรจำนวนมากได้ โดยช่วง covid-19 คุณ Jacenko บอกว่ายอดขายของเล่นและสินค้าสำหรับเด็กออนไลน์ โตมากสร้างรายได้หลัก แสนเหรียญต่อเดือน เลยทีเดียว ซึ่งทำให้เ