ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ risk

ผลกระทบต่อราคาคอมโมดิตี้จากการบอยคอตประเทศรัสเซีย

การแบน รัสเซีย มีผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มแร่ธาตุ ไม่น้อยเลย, ตัวหนึ่งที่สัปดาห์นี้ พุ่งกระฉูดมากคือ Nickel , ราคา Nickel Futures รอบเดือนพุ่ง +101.84% และราคาเป็นจุดสูงสุดรอบ 14 ปี(คล้ายน้ำมันเลย) , การกระชากสัปดาห์นี้ ช่วงวันพุธ ทำเอา London Metal Exchange ต้องระงับการเทรด(Halt) เพราะราคาแกว่งเกินระดับ 10% ในวัน จากความไม่ปกติของราคา รัสเซียเป็นประเทศใหญ่ที่ supply แร่ Nickel ของโลก โดยนวค.คาดว่าการแบนจะกระทบ Global supply โดยเฉพาะ กลุ่มอุตสาหกรรมที่โดนผลกระทบจากการคาดแคลน Nickel เช่น stainless steel , แบตเตอรี่รถ EV (electric vehicle batteries) ซึ่งสองกลุ่มอุตสาหกรรมนี้เมื่อปีที่ผ่านมาก็มี demand การใช้ Nickel ที่สูงมากจนดันราคาปรับเพิ่มมาต่อเนื่อง , บวกกับการบอยคอต รัสเซีย รอบนี้ทำให้ ราคา Nickel ขึ้นไปดวงจันทร์ เลยทีเดียว เช่นเดียวกับ Palladium futures ที่ตอนนี้ก็ ATH ขึ้นไป จากกรณีการแบน รัสเซียเช่นกันเพราะรัสเซียส่งออกแร่นี้อันดับต้นของโลก(เกือบราวๆ 40% เลย) โดยแร่ใช้ใน อุตสาหกรรมรถยนต์ ประเภทเครื่องฟอกไอเสีย(รถยนต์หลายรุ่นที่เน้นเรื่องมาตรฐานการปล่อยสารพิษ) ,อุตสาหกรรม

มุมมองของ Howard Marks กับ Inflation Risk

  ผมกำลังอ่าน Mastering The Market Cycle ของคุณ Howard Marks แห่ง Oaktree Capital กองทุนขนาดใหญ่(AUM 158 Billion)ที่เก่าแก่อีกเจ้าของสหรัฐ(ก่อตั้งปี 1995) ทำให้พอเห็นสัมภาษณ์ของคุณ Howard Marks เกี่ยวกับ Inflation ในรายการ Bloomberg เลยอยากบันทึกเก็บไว้และแชร์ต่อให้น้องๆเทรดเดอร์ เพื่อว่าจะมีประโยชน์ในการรับมือภาวะความเสี่ยงที่จะมาถึง - ที่ความคิดเห็นของคุณ Howard Marks น่าสนใจเพราะเป็นคนที่เคยบริหารพอร์ตของ Citicorp ช่วงวิกฤติเงินเฟ้อสหรัฐในอดีต (1978-1980) -เขาให้ความเห็นว่าปัจจุบัน เราควรกังวลเกี่ยวกับ inflation , ระดับ inflation ที่มากกว่า 2% จะเป็นสิ่งที่มากเกินควร,เกินต้องการ -คุณ Howard Marks บอกว่า High Inflation มาพร้อม High Interest rate กระทบทำให้ชะลอการโต asset price บางกลุ่มเช่น หุ้น และเขาเห็นด้วยว่าควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากดอกเบี้ยต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมาหลายปี ,การฟื้นของเศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณดี โดย Fed ควรระวังและจัดการไม่ให้เกิด Hyper inflation ระดับเงินเฟ้อที่สูงเกินไป -แต่คุณ Howard Marks มองว่า inflation สหรัฐคงไม่เลวร้ายแบบอดีตช่วงปี 1979 (เพิ่มสูง 6-7

บันทึก Evergrande

หนี้ของ  Evergrande ยังเป็นประเด็นร้อนต่อเนื่องที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ว่าจะมีผลกระทบต่อเจ้าหนี้ภาคธนาคาร,บริษัทเอกชนซื้อหุ้นกู้ และจะมีบริษัทอสังหาจีนอื่นๆที่จะประสบปัญหาสภาพคล่องเช่นกันหรือไม่ ล่าสุดเริ่มมีการพูดถึง Sinic Holdings Group บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จีนอีกเจ้าที่วันนี้ราคาหุ้นร่วงลงหนัก -87.01% จนต้องหยุดการซื้อขายไป Evergrande กับการขาดสภาพคล่องในการชำระดอกเบี้ย 83.5+47.5 ล้านเหรียญ(จากหนี้หุ้นกู้สองก้อน) ในเดือนนี้ ได้หรือไม่ถ้าเลยกำหนด 30 วันถือบริษัทผิดนัดชำระหนี้ ต้องเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ บริษัทมีหนี้สินรวมมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ตอนนี้ยังอยู่คงรอดูว่าจะผ่านไปได้ดีหรือไม่ ความเห็นนวค.มีทั้งสองแบบ กลุ่มแรกมองว่าสินทรัพย์ของบริษัทมีพอขายใช้หนี้(เข้าสู่กระบวนการต่อรองได้) หรืออนาคตสามารถดำเนินธุรกิจต่อจนขายอสังหาในโครงการต่างๆมาใช้หนี้ได้ อีกกลุ่มมองว่าสินทรัพย์อาจจะไม่พอใช้หนี้ อันนี้คงดูว่าจะมีความช่วยเหลือหรือรัฐบาลจีนจะเข้ามาช่วยหรือไม่อย่างไร แต่นวค.ต่างประเทศส่วนใหญ่มองว่า ยังไม่รุนแรงเท่าที่เคยเกิดกับ Lehman Brothers ประเด็นใหญ่ที่ตามมาคือ จะกระ

Tail risk Q32021

เมื่อวานพูดเรื่องการ hedging สำหรับป้องกัน tail risk ไป วันนี้ไปเจอกราฟจาก BofA เลยนำมาแชร์ต่อ ประกอบการอธิบาย ซึ่งกราฟนี้เป็นผลสำรวจ Fund manager survey เพื่อดูว่า กลุ่มนี้กำลังกังวลกับปัจจัยเสี่ยงอะไรเป็นหลัก ในช่วงนี้ ซึ่งกราฟเทียบช่วง เดือน 7 และเดือน 8 ความน่าสนใจคือ inflation เริ่มลดลงไป เช่นเดียวกับ นโยบาย taper ของ Fed แต่ Covid-19 delta variant เพิ่มสูงมากขึ้นทีเดียว, ขณะเดียวกับเรื่อง asset bubble กลับมาอีกรอบ , พร้อมกับปัจจัยเสี่ยงใหม่เรื่อง นโยบายของจีน ที่จะกระทบกับตลาดหุ้น แม้จะผ่านมาเข้าเดือน 8 ของปี 2021 แล้วแต่เหมือน ความท้าทายและความเสี่ยง ยังมีอีกหลายประเด็นที่รอเราอยู่ จนกว่าจะจบปี ดังนั้นก็อย่าประมาทและเตรียมแผนรับมือกันต่อไปครับ... https://twitter.com/.../status/1427548437747179520/photo/1

How to Hedge Against Inflation

บทความน่าสนใจจากคุณ Ben Carlson Director จาก Ritholtz Wealth Management. เขียนถึง inflation หลังล่าสุดข้อมูล US CPI เพิ่มจากปีก่อนหน้า +5% , ในด้านสถิติเป็น biggest CPI gain มากสุดตั้งแต่ปี 2008 ก่อนช่วง financial crisis , นอกจากนี้ยังมีตัวเลขราคารถมือสองและราคารถ ที่เพิ่มสูงขึ้น 7.3% จากเดือนก่อนหน้าและเพิ่ม 29.7% รอบ 12 เดือน ซึ่งนวค.มองว่าเป็นหนึ่งปัจจัยเร่ง inflation มาเกิดช่วง reopen economy ที่จะมีผลต่อ demand และ supply ในระบบ ด้าน นวค. แนะนำให้จับตามอง inflation ซึ่งแนวโน้มการเพิ่ม inflation ในช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำ อาจจะส่งผลต่อท่าทีของ Fed ที่อาจจะมีนโยบาย หรือแผนออกมาหลังตัวเลข CPI เพิ่มสูง ขณะที่ Initial jobless claims ล่าสุดออกมา 376,000 สูงกว่าคาด , Ben Carlson นำเสนอข้อมูลความสัมพันธ์ของ inflation กับผลตอบแทน U.S. stock market (S&P 500) ในช่วงต่างๆ โดยเฉพาะช่วงปี 1970s ที่เกิด high inflation สูง 6.8% แม้ real return ของ S&P500 ปิดได้ราวๆ 7.7% ทำให้ผลตอบแทนหลังปรับค่าเงินเฟ้อ -0.9% ซึ่งผู้เขียนแนะนำให้ เราไม่ควรประมาทกับ inflation ควรหาทางป้องกันพอร์ตเงินทุนขอ

บริษัทเทรดน้ำมันยักษ์ใหญ่ จ่อล้มละลาย

ราคาน้ำมันตลาดโลก กำลังเป็น talk of the town สิ่งที่น่ากลัวกว่าราคาน้ำมันป่วน คือบริษัทค้าน้ำมันล้มละลาย ที่กำลังเกิดขึ้นแล้ว ถ้าใครเทรดน้ำมันแบบผม หรือติดตามอ่านข่าวตลาดน้ำมันน่าจะเคยได้ยินชื่อบริษัท ฮินเหลียง เทรดดิ้ง (Hin Leong Trading) เป็นบริษัทค้าขายน้ำมันอิสระใหญ่ที่สุดในประเทศสิงคโปร์ เป็นที่ภาคภูมิใจของสิงคโปร ฐานะผู้เล่นรายใหญ่ที่มีบทบาทในตลาดน้ำมัน วันนี้ ฮินเหลียง เทรดดิ้ง ป่วนหนัก ยื่นล้มละลายหลังหลังขาดทุนถึง - $800 ล้าน ในการซื้อขายนํ้ามันล่วงหน้า (Oil Futures) รวมถึง บริษัทในเครือ โอเชียนแทงเกอร์ส ล้มละลาย ข่าวระบุบริษัทเป็นหนี้ค้างชำระถึง 4.05 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่มีสินทรัพย์เพียง $714 ล้าน ต่อให้ขายทุกอย่างจนหมด ยังมีหนี้ค้างกว่า 3.34 พันล้าน สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่แค่บริษัทนี้ล้ม แต่เป็นความกังวลที่ลาก เจ้าหนี้ คือ ธนาคารขนาดใหญ่และสถาบันการเงินกว่า 20 แห่ง ของสิงคโปร และเอเซีย รวมถึง นักลงทุน ล้มไปด้วย นั้นหมายถึงหายนะของเศรษฐกิจสิงคโปร เลยทีเดียว นอกจากรัฐบาลสิงคโปรจะไม่ช่วย bailout แล้ว ยังเปิดการสอบสวนบริษัท Hin L

Virgin Atlantic & Virgin Australia กำลังเข้าตาจน

อุตสาหกรรมการบิน โดน covid-19 เล่นงานหนัก สายการบิน Virgin Atlantic & Virgin Australia ของ Richard Branson กำลังจะไปไม่รอด Richard Branson มหาเศรษฐีระดับโลก เขาเขียนจดหมายขอความช่วยเห ลือจากรัฐบาล UK (Virgin Atlantic airline)และ Australia ให้ช่วย Bailout โดย Financial Times ระบุว่า Virgin Atlantic ได้ยืนขอกู้เงินประมาณ 500 ล้านปอนด ์ แต่ถูกรัฐบาล UK ปฏิเสธ และให้ยื่นข้อเสนอใหม่ ส่วน Virgin Australia ได้ยืนขอเงินกู้มูลค่า 750 ล้านปอนด์ ก็ถูกปฏิเสธเช่นกัน โอกาสสูงมากที่ธุรกิจอาจจะไ ปไม่รอด และต้องปลดพนักงาน หลังมีการบังคับให้ลดเงินเด ือนเพื่อ ลดต้นทุนบริษัทมาแล้วก่อนหน ้า ล่าสุดพนักงานของทั้งสองสาย การบิน 38,000 คน ต้องถูกพักงานชั่วคราว และสายการบินต้องพึ่งพารัฐบ าลในการจ่ายเงินค่าจ้างในสั ดส่วน 80% ของค่าจ้างในช่วงเวลาปกติ Richard Branson โดยวิจารณ์ยับฐานะมหาเศรษฐี  ระดับพันล้าน( 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ) แต่ต้องขอเงินภาษีไปสนับสนุ นธุรกิจสายการบิน ซึ่ง Branson ตอบโต้ว่ามูลค่าสินทรัพย์เข าอยู่ในหุ้นของกิจการ เขาไม่มีเงินสดสภาพคล่องมาก ู้ธุรกิจ นอกจากนี้ Branson เสนอ นำ Necker I

Ray Dalio estimates the corporate losses

Ray Dalio ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับผ ลกระทบของเศรษฐกิจสหรัฐจากว ิกฤติการระบาดของไวรัส COVID-19 - เขาเชื่อว่าวิกฤตินี้ทำให้เ กิดการเสียหายครั้งใหญ่ ในประวัติศาสตร์ ภาคองกร์ธุรกิจ จะเสียหายถึง $4 trillion เขาประเมินทั้งโลก(Global) เสียหาย $12 trillion - ธุรกิจขนาดเล็กอาจจะล้มละลา ย เจ้าของกิ จการหมดตัว, ประชาชนจำนวนมากตกงาน - การเกิดวิกฤติยิ่งยาวและใช้ เวลานาน ทำให้ผลกระทบต่อสภาพคล่องขอ งธุรกิจ -รัฐบาลต้องอัดฉีดเงินสด ไปยังประชาชนและธุรกิจเพื่อ เสริมสภาพคล่อง + การลด/ ชะลอหนี้ในธุรกิจและประชาชน รวมไปถึงการ bailout ที่อาจจะเกิดขึ้น เขาประเมินรัฐบาลควรใช้งบ fiscal stimulus package อย่างน้อย $1.5 trillion - $2 trillion -ด้านนโยบายการเงินจาก Fed ช่วยเรื่องการลดอัตราดอกเบี ้ย ต้นทุนการกู้ยืม + QE แต่เขามองว่าเครื่องมือหรือ ประสิทธิภาพในการกระตุ้นเศร ษฐกิจของ Fed ลดต่ำลงและมีจำกัดกว่าทุกคร ั้งที่เกิดวิกฤติ (ระดับ อัตราดอกเบี้ยต่ำติด 0, การซื้อ Bond ของเฟดไม่สามารถทำให้ราคาบอ นด์ลงได้) -โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของ รัฐบาลใช้เงินเยอะ รัฐออกBond ระดมเงินมาเสริมกระตุ้นเศรษ ฐกิจ แต่ปัญหา

Asymmetric Returns & Black swan

บทความนี้ น่าจะช่วยอธิบายตัวอย่าง Asymmetric Returns ที่เมื่อวานผมมีโอกาสได้พูด ถึง เชื่อว่าหลายคนเคยอ่านหนังส ือ black swan ของ nassim taleb ไปแล้ว มีแปลมีสรุปไทยด้วย แต่เชื่อว่าบางทีอ่านจบยังไ ม่ get ว่านำไปใช้ในการเทรด การบริหารพอร์ตยังไง บทสัมภาษณ์นี้ เป็นกรณีศึกษา Asymmetric Returns ที่ Mark Spitznagel (ลูกศิษย์เอก ของ taleb )เขาเป็นผู้ก่อตั้งและผู้บร ิหารเฮ็ดฟัน Universa Investments เขาอธิบาย  แนวคิดการใช้เงินทุนบางส่วน แบบจำกัดในพอร์ตแบ่งไปเทรดอ นุพันธ์ เช่น options (OTM) เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ขนาดใ หญ่ ในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ  แบบ black swan (Low probability event & Huge Impact) หรือเกิดวิกฤติการเงินจนทำใ ห้ market crash (กลยุทธ์การทำนี้ไม่ง่ายนะค รับ ต้องไปศึกษาเพิ่มไม่ใช่เทรด อนุพันธ์แล้วจะจบ ยิ่งไปเทรด Options OTM มันต้องไปสู้เรื่องราคาและก ารบริหารต้นทุนค่า premium ที่จ่ายเพื่อลดผลกระทบการขา ดทุนอีก ยาวๆๆ บทความนี้ไม่ได้พูดไว้) บทความนี้คุณ Spitznagel ยกกรณีปี 2008 ที่ฟันด์เขาสามารถทำผลตอบแท นได้อย่างงาม ขณะที่เจ้าอื่นๆขาดทุนหนัก เมื่อเฉลี่ยรวมกับผลตอบแทนภ าวะตลาดปกติ

Gligtch

เรื่อง ชวนหัวประเด็นร้อนเรื่องหนึ่งใน wallstreet อเมริกา อยากนำมาเล่า เรื่องนี้เกี่ยวกับความผิดพลาด(glitch) ของ app จากโบรกเกอร์ Robinhood ที่ User ประเภท premium สามารถใช้ leverage ได้ไม่จำกัด หรือ Infinite leverage (ยืมเงินโบรกเกอร์มาเทรด เปิดสถานะได้โดยไม่มีขีดจำกัด) ความสนุกมันเกิด เมื่อ Trader คนหนึ่งทำได้ก็ทำสูตรวิธีการไปแจกต่อในกลุ่ม Wall Street Bets บน reddit ประมาณว่าเชิญผู้กล้ามาถล่ม ซึ่งมีหลายคนเข้ามาอ่าน บางคนทำตาม เพราะนั้นหมายถึงการเสี่ยงโชควัดดวงคร ั้งใหญ่ บางคนใช้ leverage 50x 100x 500x มี Trader รายหนึ่งมีเงินกว่า $3,000 อัดใช้ leverage ขยายไป $1.7 million เช่นเดียวกับหลายคน หลายเทรดเดอร์ที่รายงานเข้ามา ส่วนใหญ่เทรดคืนเดียวล้วนลอง position ขนาดใหญ่หลักล้านเหรียญเล่นกันเลย แน่นอนการใช้ leverage สูงได้ ไม่ได้การันตรีว่าจะได้กำไร หรือมี edge เสมอไป เพราะความเสี่ยงสูง ย่อมมีทั้งที่ทำเงินได้หลายหมื่นเหรียญ และขาดทุนหมดเงินต้น ก็มีเช่นกัน แต่นี้เป็นอีกหนึ่งความไม่ปกติที่เกิดและเข้ามากระทบต่อตลาด จากความผิดพลาดของซอฟท์แวร์เทรดของโบรกเกอร์ อ้างอิง ht

ถ้าเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ธุรกิจอะไรจะรุ่ง ?

กระทู้นี้จาก pantip น่าสนใจดี เข้าไปนั่งอ่านคอมเมนต์แล้วก็ได้เห็น มุมมองความคิด ความรู้สึกอะไรเยอะดี ลองมานั่งตกผลึกความคิดพบว่า โอกาสจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ถ้าเราดูตามคำเตือน จากการวิเคราะห์ความเสี่ยงในระด้บเศรษฐกิจโลก ก็ต้องตอบว่าประมาทไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันมันก็ไม่น่ากลัวแบบสุด วิกฤติเศรษฐกิจ ถ้าเคยอ่านหนังสือ Big Debt Crises ของคุณ ray dalio จะเห็นว่า pattern การเกิดมีหลายแบบ หลายประเภท ถ้าไม่เป็น black swan ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ ไม่หนักมากจากบทเรียนในอดีต IMF ก็เอาอยู่ (ตอนนี้ดูอเจนติ นา เป็นตัวอย่างได้) ขณะเดียวกันแบบหนักเช่น เวเนซุเอล่า ตรุกี ก็ถือว่าไม่ธรรมดาและกระทบหนัก อันนี้ถ้าประเทศแข็งแรง โอกาสจะเกิดก็ยาก ในด้านคนธรรมดา ถ้าไม่มีหนี้เยอะ ไม่มีภาระการเงินสูง มีอาชีพที่มั่นคงก็คงไม่น่ากลัว แต่ในภาคธุรกิจนี้อีกเรื่องเพราะ ถ้าวิกฤติเกิดบริษัทยังไงก็ต้องได้รับผลกระทบเต็มๆ ทั้งจากยอดรายได้ จากต้นทุนทางการเงิน และอื่นๆ คนทำธุรกิจ ต้องระวังให้หนัก สะสมสายป่านให้ยาวพอจะผ่านช่วง crisis และ recession ไปให้ได้(เฟส 2-5ปี) ส่วนธุรกิจที่จะรอดวิกฤติ จริงๆเราดูตัวอย่างได้ถ้าระดั

Hedge Fund Lost $1 Billion Betting On Argentinian Bonds Last Month

กรณีศึกษา Autonomy Capital ของ Robert Gibbins เพิ่งขาดทุนในพันธ์บัตร อเจนตินา จากการ concentrated bets ไม้ใหญ่ที่เล่นกับ economic recovery ของประเทศ Argentina ช่วงปี 2018 ซึ่งจบปีทำผลตอบแทน 17% ทำให้มีการเพิ่มสถานะในการเดิมพันกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอเจนตินา แต่สิ่งที่ไม่คาดก็มาเกิดในปี 2019 เมื่อทั้งตลาดพันธ์บัตร ค่าเงิน และตลาดหุ้นของ อเจนตินาร่วงลงรุนแรง จากความกังวลทางการเมือง(แพ้โหวตของรัฐบาล Macri)และปัญหาหนี้ สิริรอบนี้ฟันด์ของ Robert Gibbins พอร์ตโดนผลกระทบขาดทุนไป  $1 billion อ่านเพิ่มเติม https://www.zerohedge.com/news/2019-09-05/former-lehman-traders-hedge-fund-lost-1-billion-betting-argentinian-bonds-last

พฤติกรรมตลาดหุ้นและการจัดการกับความเสี่ยง

ตลาดหุ้น ย่อมมีวัฏจักร มีรอบของมัน เมื่อเช้ามีพี่ท่านหนึ่งๆถามว่าน่ากลัวไหม ตอบตรงๆก็คือไม่น่ากลัว ถ้าเราเข้าใจเพราะมีหมี ก็มีกระทิง สิ่งที่เราทำได้คือ เข้าใจพฤติกรรมตลาด(การทำ data analysis) และวางแผนรับมือกับความเสี่ยง(Risk Management) สิ่งสำคัญคือชั้นคือการทำการกระจายความเสี่ยง(Risk Parity or Max Diversification) ภาวะตลาดหุ้นปัจจุบันที่ไม่มี edge มากก็ไม่จำเป็นต้องโฟกัส ไปที่ asset class เดียว ใช้กลยุทธ์การบริหารจัดการพอร์ตมาช่วย กระจาย risk ไปหลากหลาย asset ที่มีพฤติกรรม ราคาตอบสนองกับปัจจัยเสี่ยง ปัจจัยลบที่แตกต่างกัน เพราะเมื่อเกิด market crash ที่มาพร้อม high volatility ตัวระบบเทรด ที่เทรดอยู่บน asset เดียว ,ตลาดเดียว เช่นหุ้น มันมักเอาไม่อยู่ ภาพนี้เอามาจากรายงานของ Dimensional Fund Advisors LLC จำแนกขนาดและระยะเวลาของดัชนี S&P500 แยกตามภาวะตลาดหมี และ ตลาดกระทิง ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1926 รอบนี้นับจาก 2007 ตลาดกระทิง วิ่งขึ้นมากว่า 126 เดือน(ย้อนตัวไม่เกินระดับ threshold -10%) ไม่มีใครรู้ว่าอนาคต ดัชนีจะไปต่อได้อีกนานแค่ไหน แต่สิ่งที่พบคือความผันผวน เกิดขึ้นเรื

Interview with Ray Dalio - Davos 2019

มุมมองของคุณ ray dalio ยังไม่เปลี่ยนจากปีก่อน เชื่อว่ามีโอกาสที่จะเจอ recession ในช่วงราวๆ 2020 สรุป เนื้อหาคราวๆจากคลิปสัมภาษณ์ คุณ dalio ให้ความเห็นว่า เศรษฐกิจโลกจะพบการชะลอตัวทั้ง สหรัฐ ยุโรป จีน ญุี่ปุ่น และ ไม่ใช่แค่เรื่องของ เศรษฐกิจ(เรื่องของหนี้)อย่างเดียว แต่คุณ dalio เชื่อว่าปมประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง ที่มาพร้อมช่องว่างระหว่างคนจน คนรวย(Wealth gap) จะทำให้เกิดการเผชิญหน้าของขั่วการเมือง 2 ฝ่าย ทั้งในและนอกสภา นำมาซึ่งปัญหา โดยเฉพาะช่วงปี 2020 อยู่ช่วงเทศกาลเลือกตั้ง ปธน. รวมไปถึงขีดจำกัดของ ธนาคารกลางในการรับมือ กับภาวะวิกฤติหรือการชะลอตัวเศรษฐกิจรอบใหม่กรณีที่เกิดในเวลาอันสั้น สุดท้าย 3 ประเด็นเหล่านี้ มีผลต่อนักลงทุน รายใหญ่ รายย่อย สถาบันการเงิน (ส่วนใหญ่ long และใช้ leverage ด้าน long ช่วงภาวะตลาดขาขึ้น) ที่ต้องมีการปรับแผนการลงทุน หลังตระหนัก ความเสี่ยงที่รุนแรงมากขึ้น จุดนั้นก็จะได้เห็น การเปลี่ยนแปลงของตลาด อย่างมีนัยยะ ปล. ฟังเพิ่มเติมได้จาก clip vdo ค่อนข้างจะสนุก เพราะ ray dalio พยายามจะตอบโต้กับ พิธีกรที่พูดแข่ง แย้งขึ้นมา

The Global Risks Report 2019

วันนี้นั่งอ่านรายงาน The Global Risks Report 2019 ของ World Economic Forum พบว่ามีหลายประเด็นน่าสนใจมาก โดยเฉพาะการประเมินความน่าจะเป็นและผลกระทบของ risk ที่จะเกิดในปี 2019 ตรงนี้มีทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคม การเมือง เทคโนโลยีและภาวะแวดล้อม ที่เชื่อมโยงกัน รายงานนี้เขียนรายละเอียด และรวบรวมข้อมูล อธิบายประเด็นได้ดีเข้าใจง่าย ความยาวกว่า 114 หน้า พวกเราเทรดเดอร์ หรือ นักลงทุน ก็สามารถใช้ข้อมูล เหล่านี้ ในการวางแผน ปรับกลยุทธ์ เพื่อรับมือกับ risk ที่เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะส่วน macroeconomic risks และ geopolitical risk ซึ่งหลายประเด็นอาจจะไม่ได้เป็นความเสี่ยงระยะสั้น แต่ในด้านการวางแผนสำหรับ long term portfolio น่าจะใช้ประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว ใครสนใจลองเข้าไป download มาอ่านได้จาก link ด้านล่างครับ World Economic Forum http://www3.weforum.org/docs/WEF_Global_Risks_Report_2019.pdf

ครบรอบ 89 ปี Black Tuesday

เมื่อ 89 ปีที่แล้ว ตลาดหุ้นสหรัฐเผชิญกับเหตุการณ์ Wall Street Crash of 1929 หรือ Black Tuesday โดยตลาดหุ้นนิวยอร์ค New York Stock Exchange หลังจากรับข่าวความตรึงเครียดในยุโรปและเกิดแรงขายมหาศาลกดดันจนตลาด ลอนดอน ถล่มในวันก่อนหน้า ความวิตกกังวลนี้ทำให้เกิด Panic sell เกิดการขายหนักกดดัชนี Dow Jones Industrial Average เปิดตลาดต้องเผชิญ การถล่มของราคารุนแรงสุดอย่างไม่เคยเกิดมาก่อนในขณะนั้น โดยดัชนีปรับตัวลง 2 วัน(28 -29 oct)รวมกันราวๆ -25% ตลาดหุ้นสูญเสียมูลค่่า $30 billion เฉพาะวันที่ 29 ดัชนีปรับลงราวๆ -12% จำนวนหุ้นกว่า 60 ล้านหุ้นถูกขายในวันเดียว ซึ่งราคาหุ้นเกือบทั้งหมดนตลาดสหรัฐปรับตัวลงรุนแรง สิ้นสุดตลาดกระทิงระยะยาว 9 ปีนับตั้งแต่ช่วงต้น 1920 และเหตุการณ์ Black Tuesday นี้นำมาซึ่งการสูญเสียความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นสหรัฐ การล้มละลายของธุรกิจ ธนาคาร ปัญหาหนี้ ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐ Great Depression ที่กินระยะเวลายาวนาน 12 ปี เรื่องราวเหตุการณ์วิกฤติการเงิน มีหลายประเด็นที่น่าสนใจเป็นเทรดเดอร์ ลองหาข้อมูล ศึกษาเรื่องเหล่านี้ไว้ ช่วยทำให้มองเห็นสิ่

It Was the Worst of Times: Diversification During a Century of Drawdowns

เช้านี้ผมเพิ่งมีโอกาสอ่าน paper ล่าสุดของ AQR จบพบว่าน่าสนใจอยากนำมาแนะนำ paper นี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ การป้องกันความเสี่ยงและการถดถอยของพอร์ต จากตลาดหุ้นขาลงและฟองสบู่ โดยทีมวิจัยทำการวิเคราะห์ข้อมูล asset ต่างๆในรอบเกือบ 100 ปี ทดสอบประเมินผลกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยง(Diversification)แบบดั่งเดิม(ผสมหลาย asset class) และการทำ Hedging (แบบต่างๆทั้งด้านกลยุทธ์และการใช้อนุพันธ์เช่น put opt ions) เพื่อเปรียบเทียบและประเมินด้านต้นทุนและผลตอบแทนเชิงชดเชยที่ได้รับในช่วงตลาดเลวร้าย การวิจัยโฟกัสไปที่ความคุ้มค่าของการ trade off จากการทำ diversification และการ hedging เพื่อลดและป้อกัน equity drawdowns ผลการทดลองน่าสนใจมากแต่ผมคงไม่นำมาเขียนในทีนี้เพราะ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องอธิบายกันเยอะ เดี่ยวคนไม่เข้าใจจะไปตีความผิด แต่ผมแนะนำให้ลองอ่าน paper นี้อ่านแบบวิชาการไม่ต้องรีบเชื่อหรือมีธง แค่ data ที่เขารวมหรือประมวลผลออกมา มันก็มีประโยชน์มากโขแล้ว ยังไม่นับรวมเทคนิคการป้องกันความเสี่ยงในแบบต่างๆหลาย level สปอยให้นิด ผลการวิจัยค่อยข้างน่าสนใจ เช่นความเชื่อหลายอย่างในการท