cwayinvestment

สัปดาห์นี้จะมาต่อ lecture ด้านการเทรดให้(หลังจากหยุดไปนาน), ดังนั้นวันนี้มาสอนเรื่องการวิเคราะห์โมเมนตรัมและกำลังของตลาด ด้วย On Balance Volume (OBV) เครื่องมือธรรมดา ที่เอาไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย  โดย On Balance Volume (OBV) พัฒนาโดย Joe Granville เผยแพร่ในปี 1963 ตีพิมพ์ลงหนังสือ New Key to Stock Market Profits เครื่องมือประมวลผลข้อมูลราคา(Price) ร่วมกับ Volume เพื่อหาค่า บ่งบอกระดับ แรงดันฝั่งซื้อและขาย (Buy/Sell Pressure) -ใช้วัดกำลังของ Momentum ในข้อมูลราคา, และสามารถใช้ประยุกต์การเทรด Momentum Trading ได้ เข้าฟังได้ที่ https://youtu.be/vgxWz-m9-kc

  นำเรื่องของ Stagflation มาเล่าให้ฟังครับ ,พอดีมีโอกาสได้ไปอ่านเจอบทความจาก paper หนึ่งชื่อว่า The Supply-Shock Explanation of the Great Stagflation ของ Princeton University เขาเรียบเรียงและเล่าเหตุการณ์ ช่วงเศรษฐกิจถดถอยและการเกิดเงินเฟ้อสูง ตอนยุค 1970 - 1983 ซึ่งเป็น 13-14 ปีแห่งความ chaos ทางเศรษฐกิจมากมาย , เริ่มต้นจากนโยบายของ Nixon ที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อน+การตั้งกำแพงภาษี, มาเจอปัญหา supply shock ปี 1973 จากราคาน้ำมันที่เพิ่งสูงกว่าปกติ 300% ข้ามคืนหลังจากประเทศตะวันออกกลาง รวมกลุ่ม OPEC และบอยคอตส่งน้ำมันให้ชาติสหรัฐและพันธ์มิตรที่สนับสนุน อิสราเอล ในสงคราม Arab–Israeli War , และเกิดซ้ำ oil crisis อีกรอบช่วง 1979 จากการสหรัฐและชาติสมาชิกคว่ำบาตรอิหร่านในช่วง ปฏิวัติอิหร่าน (Iranian Revolution) ทำให้ supply น้ำมันจากอิหร่านหายไปจากตลาด ด้านเศรษฐกิจตอนนั้นถดถอยหนัก, คนว่างงานจำนวนมาก, ราคาสินค้าแพง และระดับเงินเฟ้ออเมริกาที่ขึ้นไปจุดสูงสุดถึงระดับ 13%, การเข้ามาแก้ไขด้วยยาแรงของ Paul Volcker หลังจากเปลี่ยนประธานเฟดมา 3 คน ซึ่งในปี 1981 มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปถึง 20% , พันธ์

  ผมมีโอกาสได้อ่านหนังสือชื่อ When Money Dies ของคุณ Adam Fergusson , เป็นหนังสือเกี่ยวกับภาวะ Hyperinflation ช่วงปี 1923 ที่เกิดในประเทศเยอรมนี ภายหลังแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 , ประเทศที่ยิ่งใหญ่ เต็มไปด้วยทรัพยากร และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ,ค่าเงินที่มั่นคง หลายร้อยปี , ต้องมาเจอวิกฤติจนด้อยค่ากลายเป็นแค่เศษกระดาษ ในช่วงไม่กี่ปี สมกับคำโปรยที่ว่า เมื่อเงินตาย จริงๆซึ่งสร้างผลกระทบต่อประชาชนทั่วไป.อย่างมากมาย, หลายเรื่องที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับ inflation ผมเลยลองทำสรุปสั้นๆ ในส่วนของการเกิดภาวะ Hyperinflation มาเล่าให้ฟัง เพื่อเป็นการเรียนรู้ความรุนแรง และความเลวร้ายสุดโต่งของภาวะเงินเฟ้อแบบ extream สนใจลองเข้าไปฟังได้ที่ link ด้านล่างครับ, แต่ถ้าอยากเรียนรู้ลึกๆก็แนะนำหนังสือเล่มนี้เลยจริงๆ https://youtu.be/nIsZVJ_pTCs

  มีน้องคนหนึ่งของให้แนะนำหนังสือที่เหมาะสมกับการเทรดหุ้นช่วงนี้ เลยอยากขอแนะนำหนังสือ สองเล่มนี้ ที่คิดว่ามันเหมาะกับภาวะตลาดอันผันผวนรุนแรง รับข่าวและภาวะความไม่ปกติของเศรษฐกิจช่วงนี้ (เงินเฟ้อ,นโยบายธนาคารกลาง,การเคลื่อนย้ายของกระแสเงินหลัก) เล่มแรก A History of the United States in Five Crashes : เล่มนี้ไม่ยาว ไม่ยาก อ่านง่าย ทำให้เราย้อนไปทำความเข้าใจวิกฤติในอดีต สำคัญๆ สาเหตุการเกิดและผลที่ตามมาต่อราคาสินทรัพย์ต่างๆ อย่างถ่องแท้ มันทำให้เรา เข้าใจถึงความไม่แน่นอน และไม่ประมาท เล่มสองคือ Big Mistakes: The Best Investors and Their Worst Investments เล่มนี้จะทำให้ เราได้เรียนรู้จากประสบการณ์ ความผิดพลาดที่เกิดกับ เซียนหรือนักลงทุนแถวหน้าของโลก ซึ่งมันก็สามารถจะเป็นความผิดพลาดที่จะเกิด กับ คนทั่วไปในตลาด อย่างเราๆ ท่านๆได้ .โดยเฉพาะภาวะตลาดแบบนี้ ประสบการณ์ นั้นมีค่ามากกว่าทอง, เพราะมันจะเป็นตัวชี้วัดความสูญเสียที่จะเกิดกับพอร์ตและเงินทุนของเรา สิ่งสำคัญของเล่มนี้ คือมันสอนให้เราเข้าใจ ว่า Market มีโอกาสให้เสมอ, คนที่เก่งจะสามารถสร้างเงินจากจุดนั้น, แต่ในขณะเดียวกันมันมีช่วงที่เลวร้า

วิธีคิดต่างกัน, วิธีการเทรดและกลยุทธ์ต่างกัน แต่ผู้ที่จะอยู่รอด ล้วนต้องมีแผนในการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เช่นกัน เพื่อประสิทธิภาพระยะยาว โดยได้รับผลตอบแทนที่ดีบนระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม

  เดือน เมย. น่าจะเข้าขั้นหนักสำหรับตลาดหุ้นสหรัฐ โดยเฉพาะกลุ่ม Tech ที่รับไปเต็มๆ ภาพสถิติจะพบผ่านมาแค่ 4 เดือน S&P500 ก็เจอ MaxDD ไปแล้ว -12%กว่าๆ ส่วน Nasdaq-100 ผลตอบแทนรายเดือน -13.0% แม้จะไม่ได้แย่ที่สุด แต่ก็ไม่ได้เกิดแบบนี้มาหลายปี ทำให้ sentiment ตลาดค่อนข้างลบไป เช่นเดียวกับ นลท. หรือเทรดเดอร์ เข้าตลาดช่วง WFH หลัง covid-19 หุ้นที่เคยดีดแรงในปี 2020 กลุ่ม tech ตอนนี้เน่า กลายเป็นตัวหลักที่โดนขายหนักมาตลอด ซึ่งกลุ่ม FANMAG stock (Facebook, Amazon, Netflix, Microsoft, Apple, and Google) เฉลี่ย drawdown จากต้นปี -35% ลงหนักๆเช่น Netflix พฤติกรรมราคาหุ้น Tech ของ สหรัฐที่โตรุนแรงในช่วงหลังตลาดลงรอบ covid-19 ที่มาพร้อม story อิงกระแสธุรกิจได้ประโยชน์จากการ lock down และ WFH โดยในปี 2022 ช่วงเดือน เมย. ที่ผ่านมา หุ้นหลายตัวราคาลงแบบถล่มถลาย ทำเอา นักลงทุนหน้าใหม่ ที่เพิ่งเข้าตลาดช่วงปี 2020 ต้องขาดทุนกันอย่างหนัก โดยตัว Top Hit ในอดีตที่แย่งกันซื้อตามกระแส ราคาลงจากจุดสูงสุดมหาศาล ตัวหลักที่ลงมามากกว่า -80% ได้แก่ Teledoc,Zoom, Peloton เป็นต้น บางตัวลงมาแตะระดับ โซนราคาก่อนหน

แนวคิดการออกแบบ,สร้างผลตอบแทน ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงจำกัด Total Return = R.Cash + R.Beta + R.Alpha จากบทความ Engineering targeted returns and risks ผลงานวิจัยของ  Ray Dalio , Bridgewater Associates อธิบายกระบวนการสร้าง portfolio ให้ได้เป้าหมาย  10% return , 12% risk 1. Return from Beta  ผลตอบแทนตาม market condition {bond,stock,commodity,currency} 2. Return from Alpha  ผลตอบแทนพิเศษมากกว่าตลาด ขึ้นกับความสามารถ(edge), market timing,  trading system, stock selection, strategies} 3. Return from Cash  ผลตอบแทนแน่นอน ความเสี่ยงต่ำ สภาพคล่องสูง ,เช่น cash,เงินฝากระยะสั้น, risk-free return ฟังรายละเอียดและตัวอย่างการประยุกต์ได้ที่ https://youtu.be/EXVeAoUwbIg

วันนี้ 29/04/2022 เป็นอีกวันที่ ARK Innovation ETF (ARKK) ทำสถิติหลุดแนวสำคัญ $50 ลงมา ทำเอา Queen of the Bull Market หรือ คุณ cathie wood วันนี้เธอโดนวิจารณ์และเจอแรงกดดันอย่างหนักจากความผิดหวังของนักลงทุน มองในด้านพฤติกรรมราคาน่าสนใจ เพราะ ARKK นับจาก ATH ที่ขึ้นไปตอนมีแต่คนเชียร์คนรักใน เดือน Feb 2021 ขึ้นไปถึง $160 หลังจากนั้นใส่เกียร์ถอยลงมาเรื่อย แม้จะรั้งแถวโซน $120 ได้สักระยะแต่พอมาเจอแรงกดดันจากภาวะตลาดหุ้นสหรัฐปรับฐาน ราคาก็ไหลเทกระจาดลงมา ที่ low $46 สิริลงมาจากจุดสูงสุด กว่า -71% และทำผลงานต่ำกว่า Nasdaq 100 ไปถึง -60% ทำเอานักลงทุน ที่ลงทุนในกอง ARKK และกองทุนอื่นๆของ ARK เจ็บหนักกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะรอบนี้ลงลึกและลงหนักกว่าตลาดมากพอควร แต่จากคำสัมภาษณ์ตลอดปี 2022 คุณ cathie wood ยังมองบวกเธอเชื่อในอนาคตของหุ้น และยังมีการซื้อหุ้นบางตัวถั่วเฉลี่ยลงมาตลอด, แม้หุ้น Tech ใหญ่หลายตัวในตลาดสหรัฐ ร่วงลงรุนแรงมาตลอดปี 2022 สุดท้ายคงต้องติดตามต่อว่าถ้า ตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับฐานใหญ่ หรือถดถอยต่อ ARKK จะไปหยุดที่โซนราคาไหน

  ปี 2022 สองประเทศในเอเซีย อย่างศรีลังกา, ปากีสถาน กำลังตกในวิกฤติเศรษฐกิจ รอบใหญ่ ทั้งประเด็นเรื่องหนี้ต่างประเทศท่วม (ศรีลังกามีหนี้ $12.55 billion) ,จนรัฐบาลขาดสภาพคล่องอย่างหนัก, ประเด็นเศรษฐกิจถดถอย, ค่าเงินอ่อนด้อยค่า และเงินเฟ้อสูงต่อเนื่อง(ศรีลังกา 29.5%)+ราคาน้ำมันเพิ่มกว่าเท่าตัว รวมถึงราคาอาหารปรับเพิ่มสูง นอกจากนี้ประเด็นการแพร่ระบาด covid-19 ซ้ำเติมเข้าไปอีก , ตอนนี้วิกฤติเศรษฐกิจ กลายเป็นวิกฤติการเมือง มีการเดินขบวนประท้วงของประชาชน,การขับไล่รัฐบาล เพราะประเทศกำล้มละลายแคลนขาดอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภคและพลังงาน อย่างหนัก สองประเทศนี้ รอความช่วยเหลือจาก IMF และกำลังประนีประนอมกับเจ้าหนี้รายใหญ่ เช่น จีน (ไม่มีจ่ายคงโดนยึดโครงการต่างๆเช่นท่าเรือน้ำลึก) ความน่าสนใจคือ วิกฤติเศรษฐกิจ เริ่มประทุในเอเซียโดยเฉพาะประเทศที่หนี้สูงและ GDP ตกต่ามากเรื่อยๆ ปล. นักวิเคราะห์ตปท. มองว่าตัวเร่ง+แรงกระตุ้นให้เกิดวิกฤติ มาจาก covid-19 ที่ทำให้ประเทศขาดรายได้ จากการท่องเที่ยวและส่งออกแรงงานไปต่างประเทศ ่และเมื่ออ่อนแอทางการเงิน มีความขัดแย้งทางการเมืองก็ยิ่งป่วยและล้มได้ง่ายมากขึ้นไป รายละ

  วันนี้อากาศมันร้อน เลยลองหาอะไรร้อนๆมานอนดู เจอซีรีย์ญุี่ปุ่นเรื่อง the way of hot spicy ภาษาไทยชื่อ "วิถีเผ็ดแซ่บร้อน" เป็นซีรีย์ญุี่ปุ่นด้านอาหาร อีกเรื่องที่ดูแล้ว หิว ดูแล้วสนุกไม่น่าเบื่อ , เรื่องของ พนักงานขาย ที่ย้ายเข้ามาทำงานสาขาใหม่ ต้องปรับตัวให้เข้ากับความประหลาดของวิถีความเผ็ดของคนในออฟฟิต ความสนุกคือ การที่แต่ละคนล้วนมีทักษะ ความสามารถในการกินเผ็ด ในระดับต่างๆ ซึ่งเกิดจากการฝึกฝน เพื่อเอาชนะ และทำให้ความท้าทายในการหาร้านอาหาร เผ็ดๆมากินเพื่อ ก้าวข้ามความกลัว ความเจ็บปวด ไปสู่รสชาติแห่งความอร่อย ในเรื่องนอกจากเมนูอาหารเผ็ดแล้ว คำอธิบายและท่าทางของตัวละคร ในการกินเผ็ดแต่ละจาน ก็ทำให้ดูแล้วได้ลุ้นไปด้วยจริงๆ ที่สำคัญในเรื่องมีเมนูอาหารไทย ที่ขึ้นชื่อความเผ็ดอีกด้วย เดอะบอส นอกจากพาลูกน้องไปกินอาหารเผ็ดๆแล้ว มักจะมีแง่คิดดีๆในการสอน ปรัชญาความเผ็ด เป็นสิ่งที่สอนให้เข้าใจชีวิต และการก้าวข้ามอุปสรรค เอาชนะปัญหาในการทำงานต่างๆ ซีรีสเบาๆ แต่สนุก และทำให้อยากกินเผ็ดได้ทุกตอนที่ดูจบเลย ใครกำลังหาอะไรเพลินๆ สนุกๆแบบไม่ดราม่า ไม่หวานเลี่ยนดู แนะนำเรื่องนี้เลยครับ ชมได้ที

  ภาพรวมทั้งโลก theme เรื่อง inflation ยังมาแรง ระดับเงินเฟ้อสูงต่อเนื่อง รัสเซีย 16.7% , สหรัฐ 7.9%, เยอรมันนี 7.3% ,ญุี่ปุ่น 0.9% ส่วนค่าเงิน Rubble,USD,EUR,JPY ก็วิ่งไปคนละทิศทาง เช่นเดียวกับมาตรการและนโยบายการเงินของธนาคารกลาง แต่ละประเทศ ปีนี้ นวค. มองว่าจะเป็นอีกปีที่ เศรษฐกิจโลกจะเกิดความ chaos มากที่สุด จากปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่เกิดขึ้น ยังไงก็ไม่ควรประมาท ,ทำพอร์ตให้ anti fragile เหมือนที่คุณ nasim taleb แนะนำไว้นั้นน่าจะดีที่สุด ข้อมูลจาก @charliebilello

สรุปหนังสือ The Part–Time Trader: Trading Stock as a Part–Time Venture ของ Ryan Mallory กัน ผมรีวิวหนังสือ และใช้เวลาสรุปประเด็นสำคัญ 7 Key Key takeaway (สำหรับคนที่ไม่ถนัดอ่านภาษาอังกฤษ) หนังสือเล่มนี้เป็น หนังสือ อ่านง่าย อ่านเหมือนนั่งฟัง คนให้คำปรึกษา โดยผู้เขียนให้คำแนะนำที่เป็นรายละเอียดได้ดี และบอกแนวทางการเป็น part-time trader ในภาพรวมได้ดี ไม่ใช่หนังสือสอนกลยุทธ์การเทรด หรือระบบเทรด แต่เขาอธิบายคราวๆว่าแต่ละกลยุทธ์จะมีแนวทางปรับใช้กับการเทรด passive ของ part-time trader ได้ยังไง ที่สำคัญ Key ที่หนังสือเน้น ไม่ใช่การ excution แต่เป็นการเตรียมพร้อมและการบริหารจัดการ management (ทั้ง Time, Money, Risk ) ซึ่งเป็นทักษะสำคัญ ที่ผู้เขียนเชื่อว่า จะนำพาไปสู่ความสำเร็จของการเป็น part-time trader ครับ ลองเข้าไปฟังได้ที่ https://youtu.be/bQ5KT5qwL8A

  ส่งสัญญาณเทรด&การแจ้งเตือนราคาเข้ามือถือ โดยมีรายละเอียดการบรรยายดังต่อไปนี้ครับ - ทำไมความสามารถของ Trading view alert จึงช่วย Part-Time trader ได้ - การติดตั้ง application บนมือถือ - อธิบายภาพรวมการ สร้างชุดคำสั่ง Alerts - ดูผลการแจ้งเตือน ทั้งผ่านเว็บ และบนมือถือ - สาธิตการตั้งค่าและการสร้าง Alert แบบ step by step - ตัวอย่างการตั้ง Alert จากข้อมูลราคา ด้วยการ crossing ตัวค่าเฉลี่ย - ตัวอย่างการตั้ง Alert จาก Volatility แบบเป็น % - ตัวอย่างการตั้ง Alert จาก Price level การตัดเส้นแนวรับแนวต้าน - ตัวอย่างการตั้ง Alert จาก ราคา เข้าสู่ channel หรือ Zone ที่ต้องการ - ตัวอย่างการตั้ง Alert จาก เส้น MA สองเส้นตัดกัน(Crossing) - ตัวอย่างการตั้ง Alert จากเครื่องมือ RSI แจ้งเตือนที่ RSI Level - ตัวอย่างการตั้ง Alert จากราคา เบรกเส้น Trend Line - สรุป ลองเข้าไปเรียนรู้กันได้ที่ https://youtu.be/_fAI73AnHoI

  วันนี้ได้อ่าน paper หนึ่งน่าสนใจดี เลยอยากนำมาสรุปไว้คราวๆ เพราะสัปดาห์ก่อนผมเคยได้พูดถึงเทคนิค Hurst Exponent ในการวิเคราะห์ TSA ไปเช่นกัน ซึ่งเป็นเทคนิคเบื้องต้นในการใช้ ค่า Hurst Value เพื่อวัดความคงตัวของ Trend (รวมถึงการดูภาวะการกลับทิศหรือการย่อตัวของเทรนด์) และการเฝ้าระวังภาวะความผันผวนที่เกิดขึ้น(โดยเฉพาะการเข้าภาวะ sideway) Hurst Exponent ไม่ใช่เรื่องใหม่มีการใช้เยอะพอควร ปัจจุบันมีเป็นเครื่องมือเทคนิคอลกลุ่ม Modern Technical analysis(ช่วงหลังปี 2002 มีการนำ Hurst Exponent มาใช้เป็นเครื่องมือในการเทรด) แต่ paper นี้ "Short Term Trading Models Using Hurst Exponent and Machine Learning" น่าสนใจ ผู้วิจัยเอา Hurst Exponent มาใช้ทำ segment data ใน Machine Learning เพื่อ trainning โมเดลในการประเมินหรืออนุมานรูปแบบของ Trend ในราคาสินทรัพย์ต่างๆ เช่น S&P500 , Gold , Bitcoin เป็นต้น เพื่อกำหนดรูปแบบกลยุทธ์การเทรด ระหว่าง Mean Reversion และ Trend Following เทรนโมเดลจากข้อมูล 2010 - 2018 และทดสอบผลกับข้อมูลช่วง 2019-2020 จากผลการทดลอง การอนุมานในระยะสั้น short term tr

หัวข้อนี้คนถามมาเยอะเลยลองนำมุมมองและวิธีของตัวเองมาแชร์ บอกตรงๆผมไม่เชื่อกับ สิ่งที่คนชอบสอนกันว่า มีเงินน้อย ต้องใช้ leverage เสี่ยงเยอะๆ จะได้โตเร็วๆ รวยเร็วๆ เพราะสุดท้ายได้มาเยอะไม่กี่ครั้ง ก็เสียไปเยอะหมดตัว หมดเงิน สรุป เงินทุนน้อย ต้องรักษาเงินทุน, บริหารความเสี่ยงให้ดีที่สุด ขยัน เทรด, เรียนรู้ สร้างทักษะ หาประสบการณ์ อดทน ต้องใช้เวลา อย่ารีบ อย่าโลภ อย่าหวังรวยเร็วๆ อดออม สะสมเงินทุน เพื่อนำไปต่อยอดในอนาคต ฟังคลิปการบรรยาย https://youtu.be/BXU0cZHVO7g

part-time trader คือ เทรดเดอร์ ที่จริงจังกับการเทรด แต่ไม่ได้ใช้เวลาทั้งหมดของวันในการเทรดเพื่อเลี้ยงชีพ ทำงานประจำ, ทำธุรกิจ หรือทำกิจการต่างๆ ควบคู่ไปกับการเทรด content index 00:00 - แนะนำ Part-time Trader 04:16 - กรณีศึกษาตัวอย่าง Part-time Trader ซึ่งเป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์ 06:28 - Nicolas Darvas(ช่วงเริ่มต้น) ,เทรดเดอร์ & นักเต้นลีลาศ 10:06 - Mayumi Torii ,เทรดเดอร์ & แม่บ้าน(House wife) 13:44 - Jackie Mitchell , เทรดเดอร์ & ผู้ประกอบการธุรกิจ 16:30 - Marcello Arrambide ,เทรดเดอร์ & นักเดินทาง/นักถ่ายภาพ 22:02 - Mike Dibari ,,เทรดเดอร์ & นักดนตรีแจ๊ส 24:10 - Jihan Bowes-Little ,เทรดเดอร์ & นักร้อง เจ้าของค่ายเพลงแร๊บ 26:18 - Rachel Fox ,เทรดเดอร์ & นักแสดง พิธีกรและนางแบบ 27:58 - สรุป

  รายงานสรุปที่น่าสนใจจาก Arbor Data Science , ใช้ข้อมูลจาก Google Search มาวิเคราะห์บน Key word ที่มีผลสัมพันธ์กับภาวะเศรษฐกิจ เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้กับภาวะเศรษฐกิจที่เกิด จากรายงานจะพบปี 2022 ประเด็นใหญ่เรื่องเศรษฐกิจที่ทำให้ คนเริ่มมีความกังวล ;วัดจากจำนวนการค้นหาที่เพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ Inflation ,food prices ,Debt ,charge off(การเรียกเก็บเงิน) นักวิเคราะห์มองว่าปี 2022 เป็นอีกปีที่คนอเมริกันส่วนใหญ่ กลับมาวิตกกังวลกับการได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดต่อรายได้และการใช้ชีวิต มากยิ่งขึ้น, แม้ปัจจุบัน ยังไม่ได้เข้าภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ แต่สัญญาณของปัญหาและความไม่ปกติมันมีมาเรื่อยๆ คำถามสำคัญคือ เราเตรียมพร้อมรับมือ ความไม่ปกติที่เกิดขึ้นในอนาคตได้ดีมากแค่ไหน อ้างอิงจาก https://twitter.com/DataArbor

ตัวเลขสถิติเงินเฟ้อสหรัฐ( New High รอบ 40 ปี )และราคาสินค้าที่ปรับเพิ่ม สำรวจช่วงเดือน กพ. 2022 แบบแยกรายประเภทสินค้า จากการสำรวจของ Bureau of Labor Statistics (BLS)กับราคาปรับเพิ่มในรอบ 12 เดือน สูงสุดได้แก่ รถยนต์มือสอง (+41.2%),น้ำมัน(+38%),ราคาห้องพักในโรงแรม,ค่าเช่ารถยนต์,ค่าโดยสาร,ค่าพลังงานประจำบ้าน(ไฟฟ้า,แก๊ส) ,นักวิเคราะห์มองว่า ราคา ที่ปรับเพิ่มแบ่ง 2 กลุ่มได้แก่ กลุ่มหนึ่งมาจากการฟื้นต้นของดีมานหลังช่วงกระทบจาก covid ก่อนหน้า ,อีกกลุ่มมาจากต้นทุนวัตถุดิบของสินค้าที่เพิ่มสูงในช่วงปีที่ผ่านมา และเชื่อว่าน่าจะมีการปรับลดลงได้ ถ้าสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ที่น่าสนใจคือพวก ค่าอาหารที่ทำกินในบ้าน(+8.7%),ค่าเดินทาง,ค่าก๊าซค่าไฟ สิ่งที่ต้องจ่ายรายเดือน นั้นปรับเพิ่มสูงเฉลี่ย 10% ทั้งหมดในรอบ 12 เดือน และยิ่งมาเพิ่มในช่วงการระบาด covid ที่ยังไม่สิ้นสุด นอกจากนี้ข่าวยังระบุว่าอัตราเงินเก็บเฉลี่ย(personal savings rate) ของคนอเมริกันปรับลดลงเหลือ 6.4% ในช่วงเดือน มกราคม ทำให้ ผลกระทบต่อประชาชนทั่วไป หรือเศรษฐกิจครัวเรือน ยิ่งมีมากขึ้นไปอีก สุดท้ายต้องดูต่อว่าปีนี้ เศรษฐกิจสหรัฐจะออก

สตอรี่ดราม่าเกี่ยวกับเงินเดือน แม่ค้าออนไลน์คนดังไลฟ์สดด่า คนดูที่ไปแซวว่าคนดูไลฟ์น้อย เลยอยากเขียนเกี่ยวกับ "เงินเดือน" เพราะไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย ตัวเลขเงินเดือน ก็กลายเป็น หนี่งในดัชนีชี้วัด ความสำเร็จและฐานะทางสังคม ไปซะแล้ว สังเกตได้เวลาไปงานรวมญาติ หรืองานเลี้ยงรุ่นมันมักจะมีคนรอบตัวอยากรู้ เข้ามาถามไถ่ได้เสมอ พอเห็นเรื่องเงินเดือน(salary)นี้ ก็อดนึกถึงภาพนี้จากบทความของคุณ Liz fosslien ไม่ได้ , เขาเขียนถึงมุมมอง การวัดความสำเร็จในชีวิต ที่ไม่ใช่ขึ้นกับ เงินเดือน เสมอไป, แต่ยังมีเรื่องอื่นๆ มากมายที่ไม่ได้เกี่ยวกับเงินและตำแหน่งหน้าที่ ซึ่งสามารถนำมาวัดความสำเร็จ หรือความสมบูรณ์ของชีวิตได้ด้วย เช่น สุขภาพกาย,สุขภาพจิต, เวลาว่าง, คุณภาพชีวิต, ความสุขจากกิจกรรมหรือสิ่งที่อยากทำ เป็นต้น แน่นอนว่า "เงิน" มันก็สำคัญ และปัจจุบัน เงินเดือน หักลบกับต้นทุนค่าการศึกษาปริญญา(หนี้) หักลบกับค่าครองชีพ+เงินเฟ้อ จะยิ่งต่ำลงเรื่อยๆ แต่ไม่ได้หมายความว่า เงินเดือน มันต้องเป็นทุกอย่างในชีวิต ,การได้เงินเดือนมาก แต่บริหารไม่เป็น, ใช้เงินไม่เป็นฟุ่มเฟือยเกินตัว ,ภาพลักษณ์ดีแต่ปัญ

  รีวิวและ สรุป 5 Key สำคัญจากหนังสือ Unshakeable: Your Financial Freedom Playbook ของคุณ Tony Robbins - หนังสือเล่มนี้คนดังเขียน แต่เนื้อหาไม่อ่อนหรือเน้นขายฝันแต่อย่างใด เป็นหนังสือ ลงทุนที่อ่านง่ายและมีข้อมูลสถิติประกอบการอธิบาย เน้นแนวคิดภาพรวมการสร้างพอร์ตระยะยาวเพื่อ อิสรภาพทางการเงิน เพื่ออยู่รอดทุกภาวะวิกฤติ - โดย Key หลักของความมั่นคง คือการจัดพอร์ตที่ดี, การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม(Risk Management), การเลือกสินทรัพย์ที่ดีไม่ล้มหายตามกาลเวลาและการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ สุดท้ายเอาชนะจิตใจตัวเองแล้วใช้ประโยชน์จาก market discount ที่เกิดเพื่อเป้าหมายระยะยาว ลองเข้าไปฟังรีวิวได้ที่ https://youtu.be/ZYjKux_Drws