ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

FIRE + Mini-retirements

ผมมีโอกาสได้ฟังคลิป TED Talk หัวข้อ "Why you should think about financial independence and mini-retirements" ของคุณ Lacey Filipich ได้ประเด็นที่น่าสนใจหนึ่งดี คุณ Lacey Filipich พูดถึงเรื่องของ การเกษียณแบบเป็นช่วง หรือเธอเรียก Mini Retirement ต่อยอดจากประเด็นคลาสิกที่ว่า เมื่อเราแก่เกษียณได้เป็นอิสระมีเงิน มีเวลา(Time Rich) แต่ไม่มีแรง , เมื่อวัยหนุ่มสาวหรือกลางคนมีแรง แต่ไม่มีเงิน ไม่มีเวลา(Time Poor) ดังนั้นเธอจึงเสนอไอเดีย Mini Retirement ที่ผสมเอาเรื่องของ FIRE เข้ากับแนวคิดจากหนักสือ The 4-Hour Workweek ของ Timothy Ferriss ในเรื่องการบริหารเวลา ประเด็นหลักยังเป็นการบริหารเงินแบบเข้มงวดคือ ออมให้ได้มาก และลงทุนใน asset ที่สร้าง income ให้ต่อเนื่อง เพื่ออาศัยพลังของการทบต้น(Compound interest) แต่แทนจะอัดและทนลำบากต่อเนื่อง เธอแนะนำว่า ควรผ่อนเป็นช่วงๆ เช่นช่วงแรกอาจจะทำงานประจำเพื่อเก็บออมให้เยอะ , และเมื่อมีระดับหนึ่งแล้ว ลอง Mini Retirement ชะลอการทำงานลง หรืออาจจะเปลี่ยนงานใหม่ที่เบาลง หันมาสร้างรายได้จาก side hustle หรือทำธุรกิจขนาดเล็กของตัวเอง ด้วยการใช้ประ

ลงทุนหุ้นครั้งแรกควรไปสายVIหรือเทรดเดอร์ดี?

เจอคำถามนี้เลยอยากจะบันทึกความคิดเห็นของตัวเองเก็บไว้สักนิด เพราะเป็นคำถาม Top Hit อันหนึ่งที่มีคน email มาถาม ส่วนใหญ่ผมเห็นคนมักมองเป็น binary อันหนึ่งดี อันหนึ่งไม่ดี เพราะเราติดกับการโปรโมทจากด้านใดด้านหนึ่ง เช่นเราเห็นคนเทรดได้กำไรเยอะ เราก็คิดว่าเป็นเทรดเดอร์ดี เป็นต้น แต่จริงๆแล้วการจะเลือกแนวทาง ควรจะเลือกให้เหมาะกับตัวเรา พิจารณาเป้าหมาย,และทรัพยากร(เงินทุน,เวลาและจริต)เฉพาะของเราโดยลืมเรื่องผลตอบแทนหรือกำไรที่จะได้ไปก่อน ค่อยหาคำตอบจากการทดลอง เพราะสุดท้ายจะหาทางที่เหมาะสมกับเราไม่มีใครบอกได้ เราต้องลองแบบไม่มี bias จากคำแนะนำของคนอื่นๆ,เช่นสนใจเป็น VI ก็ลองทำ,สนใจเทรดก็ลองเทรด เริ่มต้นกำหนดเงินทุนจำกัดระดับหนึ่งก่อน และกำหนดระยะเวลาวัดผล สุดท้าย เราก็จะพบคำตอบด้วยตัวเราเอง ประเด็นหนึ่งที่อยากจะฝากคือ อยู่ในตลาดไปนานๆจะพบว่ามันมีส่วนซ้อนทับกันเสมอ สุดท้ายจะมีสถานการณ์ที่ตลาดจะบังคับไม่ให้เราเลือกแค่การพึงพาจากข้อมูล market price หรือ fundamental อย่างเดียว ดังนั้นก่อนคิดจะเป็นนักเก็งกำไรหรือนักลงทุน ลองสร้างโครงสร้าง Portfolio ออกมาก่อน, จากนั้นบริหารความเสี่ยงให้เหมาะสม แล้

David Swensen and Yale Endowment Management

  ผมมีโอกาสได้ฟัง Lecture ครอส Financial Markets (2011) ใน Open Yale Courses Program ของ Professor Robert J. Shiller , ซึ่งได้เชิญคุณ David Swensen เจ้าของ "Yale Model" ,ตำนานผู้บริหารกองทุน Yale Endowment Management มาบรรยาย และถ่ายทอดประสบการณ์ หลายสิบปีในตลาดให้นักศึกษาฟัง คุณ David Swensen ผลงานไม่ธรรมดาเขาบริหาร Yale Endowment ตั้งแต่ปี 1985 - 2011 ,ผลงาน 20 ปี average return ที่ 13.1% สร้างมูลค่าเพิ่มให้พอร์ตระยะ 20 ปีกว่า $12.1 billion , ผมเคยมีโอกาสได้อ่านบทความและหนังสือ" Unconventional Success: A Fundamental Approach to Personal Investment" ของ คุณ Swensen มาบ้างเลยชอบแนวคิดของท่าน ในคลิปนี้ คุณ David Swensen บรรยายแนวทางการบริหารพอร์ตกองทุน Endowment Fund จุดหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของท่านคือ เน้นไปที่การทำ Asset Allocation เป็นหลักเพื่อสร้างพอร์ตโฟริโอที่มั่นคงและมีการ deversification ที่ดี(รับได้ทุกภาวะตลาด/ภาวะเศรษฐกิจ) ,เขาอ้างงานวิจัยที่สรุปว่าอิทธิผลมากกว่า 90% ใน return นั้นมาจากกลยุทธ์การทำ asset allocation. ประเด็นนี้โดยสรุปคุณ Swensen แนะนำให้ทำ

รีวิวซีรีย์ธุรกิจ Motel Makeover

ปกติส่วนตัวชอบดูซีรีย์และหนังที่เกี่ยวกับธุรกิจอยู่แล้ว ทำให้วันนี้มีโอกาสได้ดู Motel Makeover ทาง Netflix , ซึ่งเป็นเรื่องราวของสองสาว April Brown และ Sarah Sklash ที่รู้จักกันมากว่า 17 ปีและในช่วงวัย 30 ทั้งสองเริ่มจะทำตามฝันทำธุรกิจของตัวเอง ทำให้ในปี 2016 ทั้งคู่ได้ใช้เงินเก็บและเงินกู้ไปซื้อ Motel(โรงแรมพักชั่วคราวใกล้ริมทางสายหลัก) เก่าๆโทรมๆ มาปรับปรุง renovation ใหม่ในแบบที่มีสไตล์ สวย boho-chic ในชื่อ "the June Motel" , Motel แรกที่ทั้งสองทำอยู่ที่ Prince Edward County, Ontario. ,Canada จุดเด่นคือ เป็นเมืองชายทะเล ที่มีแหล่งท่องเที่ยว ,บวกกับการออกแบบ Motel ให้ดูสวย,ดูมีสไตล์ สร้างจุดขาย “Peace, Love, Wine.” พร้อมกับปารตี้แบบเก่ห์ๆคูลๆสุดแนว ที่สามารถถ่ายรูปลง instagram อวดความดูดีให้กับคนอื่นดูในราคาที่จับต้องได้ ตรงนี้ทำให้ธุรกิจเธอเติบโต และมีทุนเพิ่มมาซื้อกิจการที่สอง โปรเจคใหม่กับการซื้อ Motel เก่าหลังที่สองใน Sauble Beach เมืองชายหาดท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งในแคนนาดา ,ในครั้งนี้ลงทุนซื้ออสังหาในราคาหลักล้านเหรียญ พื้นที่ใหญ่ขึ้น จำนวนห้องที่มากขึ้นและมีจำนวนอา

บันทึกหุ้นกลุ่มถ่านหิน Q3/2021

ปีนี้เป็นอีกปีที่ performance กลุ่มถ่านหินนี้ดีมากจาก event ที่พิเศษ , ถ้าใครตามอ่านบทความเก่าผมเคยแชร์เรื่องของกลุ่มถ่านหินไว้เมื่อตอนต้นปี 2021 ตอนนั้นมี story จีนแบนถ่านหินออสเตรเรีย(ประเด็นจากความขัดแย้งที่ออสเตรเรียไปเข้าข้างสหรัฐโทษจีนเรื่องต้นตอ covid-19) ต่อจากประเด็นต้นปี 2020 ที่จีนเดินนโยบายเปลี่ยนจากถ่านหิน มาเป็นพลังงานสะอาด แต่ต้นปี 2021 จีนกลับมานำเข้าถ่านหินครั้งใหญ่จากแอฟริกาใต้,โคลัมเบียและอินโดนีเซีย แทน สะท้อนความต้องการถ่านหินในภาคอุตสาหกรรมของจีน ล่าสุดเดือน ตค. 2021 จีนเจอวิกฤติพลังงานครั้งใหญ่ จากการขาดแคลนถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า(ข้อมูลจากบลูมเบริกจีนผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานถ่านหินราวถึง 77% ) จนทำไฟฟ้าดับกำลังในหลายพื้นที่ทั่วประเทศจีน ส่งผลให้การผลิตสินค้าของโรงงานต่างๆชะงักลง ในช่วงที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าในการผลิตสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น , สิ่งที่เกิดช่วงหลายเดือนผ่านมา ราคาถ่านหินเพิ่มแตะระดับสูงสุด (หลังซบมาก่อนช่วงที่มีประเด็นการลดมลพิษในอากาศ+ช่วงการเกิด shutdown การระบาด covid-19 ในไตรมาส 3 ปี 2020) โดยราคาถ่านหิน NEWCASTLE COAL FUTURES ปรับเพิ่มต่อเนื่องจาก ปลายเ

Improving Your Personal Process

เครื่องมือในการเทรดและระบบในการเทรด แม้จะสำคัญ แต่ร่างกายและจิตใจของเทรดเดอร์ ในเวลาที่ต้องเทรดในตลาด ก็สำคัญไม่แพ้กันครับ วันนี้ผมได้ฟังเรื่อง Improving Your Personal Process ของ Dr. Brett Steenbarger เขาแบ่งปันเทคนิคการพัฒนา "Personal Process" แบบมืออาชีพไว้ดีงามมาก ผมจึงอยากนำมาแบ่งปันความรู้ต่อให้ ทุกคนได้ลองศึกษากัน โดยสรุป คำว่า "Personal Process" ก็คือการสร้าง Guideline ในการพัฒนาวินัยและการบริหารจัดการกิจวัตรของตัวเอง ซึ่งรวมไปถึงเรื่องระบบในการบริหารเวลา, การจัดการอารมณ์,การรักษาระดับพลังงาน(energy level),การฝึกสมาธิและการจดจ่อ,คุณภาพการนอน,การกินอาหาร และอื่นๆ -คุณ Brett Steenbarger แนะนำว่าเทรดเดอร์จะสร้างผลงานการเทรดที่ดีได้ ต้องมีระบบการจัดการชีวิตส่วนตัวที่ดีก่อน เพราะทำให้ปราศจากความกังวลและสามารถเทรด สามารถตัดสินใจได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ - การสร้าง Personal Process เริ่มจากการวาง กิจกรรมที่ตัวเทรดเดอร์ต้องทำ ให้ชัดเจน และวางกรอบเวลาในกิจกรรมต่าง ลงในปฏิทิน(หรือจะใช้ calendar app ก็ได้) ให้ชัดเจน เพื่อเตือนตัวเองให้ยึดมั่น กิจกรรมที่ควรจะทำอย่างเป็

How to American: An Immigrant's Guide to Disappointing Your Parents

  วันนี้ผมได้ดูรายการ Talks at Google ที่เป็นการสัมภาษณ์ Jimmy O. Yang ,นักแสดงตลก และstand-up comedian ประเด็นที่น่าสนใจไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นเรื่องของการค้นพบตัวเอง และกล้าที่จะออกเดินทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ (แม้จะต้องยอมทำให้ครอบครัวผิดหวัง),ซึ่ง Jimmy เขียนในหนังสือของเขา ชื่อ How to American: An Immigrant's Guide to Disappointing Your Parents ,คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์เลยอยากนำมาแบ่งปันต่อครับ -Jimmy O. Yang เขาเกิดฮ่องกง ย้ายมา LA ช่วงอายุ 13 ช่วงปี 2000 หลัง UK ส่งมอบเกาะคืนแก่ประเทศจีน ,ครอบครัวย้ายมาสหรัฐเพื่อสร้างโอกาสที่ดีให้ลูก, - เขาถูกเลี้ยงในครอบครัวแบบจีนที่เข้มงวด เน้นการศึกษา,มีเวลาว่างก็เรียนพิเศษ,เรียนไวโอลีน, ด้านกีฬาก็สนับสนุนให้ฝึกนักปิงปอง,และลงแข่งขันรายการต่างๆ - เขาชอบดนตรี,ชอบการแสดง แต่ครอบครัวชาวจีนไม่สนับสนุนเพราะกลัวยากจนและจะไม่มีกิน ทำให้ Jimmy ต้องสอบเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย UC San diago คณะเศรษฐศาสตร์ ,สาขาที่พ่อแม่เขายังยอมรับ - Jimmy ใช้เวลา 5 ปีกว่าจะเรียนจบ ,เขาฝึกงาน Smith Barney (บริษัทเก่าแก่ด้านการลงทุนและบริหารสินทรัพย์ของอเมริกาที่

บทเรียนจากหนู ผู้เทรดคริปโต

อ่านบทความ " Mr Goxx, the crypto-trading hamster beating human investors " นี้แล้ว อดนึกถึงเรื่องของ Random walk ไม่ได้, จริงบางคนอาจจะไม่ชอบที่คนทดลองเล่นเรื่องนี้คือเอาหนู มาเทียบกับมืออาชีพ แต่มันไม่ใช่เรื่องใหม่หรือเรื่องแปลก เพราะแต่ก่อนก็มีเรื่องของการทดลองให้ ลิงเลือกหุ้น แข่งกับ ผจก.กองทุนมาแล้ว เช่นกัน วิธีการและกลยุทธ์ของหนู hamster ชื่อ Mr Goxx จาก Goxx Capital ทำการเทรดโดยการปั่นวงล้อ(หนูมันก็วิ่งของมันแหละ) และผู้ทดลองก็อ่านผลผ่านกล้อง จากการหมุนวงล้อ(intention wheel) เพื่อเลือก เหรียญ crypto currency และใช้ กล่องที่นอน สองกล่องอุโมงเป็นตัวเลือก Buy หรือ Sell แบบในภาพ ,ทุกครั้งที่มันเล่นวงล้อหมุน แล้วเข้าไปในกล่อง ระบบจะส่งสัญญาณการซื้อขาย การทดลองผู้ดำเนินการออกตัวว่าทำสนุกๆช่วง covid-19 และโพสความก้าวหน้าบน twitter ให้คนติดตาม Mr Goxx โดยผลงานเดือนแรกเริ่ม 12 มิถุนายนด้วยเงิน 326 EUR เทรดพอร์ตติดลบ -7.3% เดือนสอง +19.41% แต่แปลกนิดที่บทความข่าวไปเทียบผลงานการเทรดของหนู กับสินค้าต่างตลาดอย่างดัชนี FTSE 100 และ DJ30 สรุปเป็นการทดลองสนุกๆแต่มันมีแง่คิดหนึ่

สรุป The Simple Path to Wealth by JL Collins

  ผมเขียนถึง JL Collins โพสก่อนหน้ามีคนถามเข้ามาถึงหนังสือของแกว่าดีหรือไม่? ส่วนตัวผมไม่เคยอ่านครับไม่กล้าแนะนำ แต่อ่านบทความจาก Blog ชอบเพราะเขาเขียนจากประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการไปสู่ Finacial Freedom และอ่านเข้าใจง่าย ดังนั้นเพื่อขยายภาพแนวคิด Passive Investing ของ JL Collins ผมจึงทำบทสรุปในรายการ Talks at Google หัวข้อ The Simple Path to Wealth | JL Collins มาแบ่งปัน ให้ท่านสนใจลองศึกษากัน 1. JL Collins ให้นิยามความหมายของ Wealthในมุมมองของเขาว่า มันมองได้สองมุม มุมแรกด้านจิตใจ ความมั่งคั่งตัวแทนของความปลอดภัยและอิสระด้านปลอดภัยเพราะช่วยปกป้องตัวเราจากผลกระทบต่างๆที่เกิดขึ้น,รวมถึงความมีอิสระในการตัดสินใจและเลือกที่จะใช้ชีวิตของเรา -มุมที่สองด้านการเงิน จำนวนเงิน เขาไม่ได้ให้ความสำคัญการมีมากที่สุด แต่เขาอิงกับระดับความมีอิสระทางการเงินตามกฏ 4% Rule, หรือ การที่มีเงินหรือสินทรัพย์ ที่นำไปสร้างผลตอบแทนระดับ 4% มากพอจะดำรงชีพรายปี(ครอบคลุม cost of living ของตัวเรา) จุดนี้น่าสนใจเพราะ Colins บอกแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเท่ากันเสมอไป บางคนมั่งคั่งมีอิสรภาพทางการเงินได้ด้วยจำนวนเงินไม่สูง ขึ

บันทึก Evergrande

หนี้ของ  Evergrande ยังเป็นประเด็นร้อนต่อเนื่องที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ว่าจะมีผลกระทบต่อเจ้าหนี้ภาคธนาคาร,บริษัทเอกชนซื้อหุ้นกู้ และจะมีบริษัทอสังหาจีนอื่นๆที่จะประสบปัญหาสภาพคล่องเช่นกันหรือไม่ ล่าสุดเริ่มมีการพูดถึง Sinic Holdings Group บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จีนอีกเจ้าที่วันนี้ราคาหุ้นร่วงลงหนัก -87.01% จนต้องหยุดการซื้อขายไป Evergrande กับการขาดสภาพคล่องในการชำระดอกเบี้ย 83.5+47.5 ล้านเหรียญ(จากหนี้หุ้นกู้สองก้อน) ในเดือนนี้ ได้หรือไม่ถ้าเลยกำหนด 30 วันถือบริษัทผิดนัดชำระหนี้ ต้องเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ บริษัทมีหนี้สินรวมมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ตอนนี้ยังอยู่คงรอดูว่าจะผ่านไปได้ดีหรือไม่ ความเห็นนวค.มีทั้งสองแบบ กลุ่มแรกมองว่าสินทรัพย์ของบริษัทมีพอขายใช้หนี้(เข้าสู่กระบวนการต่อรองได้) หรืออนาคตสามารถดำเนินธุรกิจต่อจนขายอสังหาในโครงการต่างๆมาใช้หนี้ได้ อีกกลุ่มมองว่าสินทรัพย์อาจจะไม่พอใช้หนี้ อันนี้คงดูว่าจะมีความช่วยเหลือหรือรัฐบาลจีนจะเข้ามาช่วยหรือไม่อย่างไร แต่นวค.ต่างประเทศส่วนใหญ่มองว่า ยังไม่รุนแรงเท่าที่เคยเกิดกับ Lehman Brothers ประเด็นใหญ่ที่ตามมาคือ จะกระ

บันทึก DW สุดสวิง แห่งปี

บันทึกไว้หน่อย กับ DJI41C2109A ตัวนี้เป็น DW อิง Dow Jones Index ของค่าย JPM วันนี้สุดโต่ง +23900% กระโดดเช้าไปรอบหนึ่ง และมากระโดดช่วงหลัง 14.30 การแกว่งระหว่างวัน range จาก low 0.03 ไป High 27.25 ก่อนปิด 4.80 ตัวนี้ซื้อขายวันสุดท้าย 17/09/64 , วันต่อมา ความดุเดือดของ DW ตัวนี้ก็ยังคงอยู่ เช้าเปิด 4.80 มีแรงซื้อเข้ามา ดันราคากระโดดไปถึง 13 บาท(คิดไว้แล้วว่าต้องโหด เพราะเหลือไม่กี่วันหมดอายุการเทรด คนยังกล้าซื้อเล่นสั้น) ราคาไปทำ High ไม่กี่นาทีก็ดิ่งลงมาด้วยแรงเทขาย กด 3.12 ก่อนลงไป 1.5 บาทช่วง 10.18 , ผ่านไปไม่กี่นาที 10.30 ราวจบไปกองที่ 0.60 สิ้นสัญญาณชีพไป ก่อนจบวัน 15.48 โดนขายอีกรอบราคาลดลงมาเหลือ 0.33 สิริวันนี้ -93.12% ,ใครเข้าราคาสูงก็โดน DW ตัวนี้กัดเล่นงานหนักพอควร บันทึกตัวนี้ไว้ 2 วันติดเพราะไม่ค่อยเห็นพฤติกรรมราคา DW วิ่งขึ้นวิ่งลงโหดแบบนี้มาก่อน ,เรียกว่าถ้าใครเจอทรงแบบนี้จะเข้าไปเทรด ควรจะคิดหน้าคิดหลัง บริหารความเสี่ยงให้ดี อยากหวังวัดดวงหรือคิดจะโชคดี อย่างเดียว เพราะสุดท้ายมันคือ money game ,คนลุกสุดท้ายย่อมจ่ายรอบวงเสมอครับ

I Will Teach You to Be Rich โดย Ramit Sethi

  วันนี้มีโอกาสได้ฟังคุณ Ramit Sethi บรรยายหัวข้อ I Will Teach You to Be Rich ในรายการ Talks at Google แล้วมีประเด็นน่าสนใจ เลยอยากเขียนบันทึกไว้เพื่อนำแชร์ต่อ คุณ Ramit Sethi เจ้าของหนังสือ "I Will Teach You To Be Rich" (New York Times bestseller) มาบรรยายวิธีคิดเกี่ยวกับเงินที่ไม่ได้มีเนื้อหาหนักหรือเน้นขายฝันแบบ กูรูการเงินทั่วไป ประเด็นหลักที่เขาชวนเหล่าคนฟัง(พนักงาน Google) ช่วยกันตอบคำถาม ได้แก่ 1. ความหมายของ "เงิน" ของแต่ละบุคคล -แต่ละคนตอบไม่เหมือนกัน บ้างก็มองว่าเงิน = ความสุข,ความปลอดภัย, ทางเลือกที่อิสระ,คุณภาพชีวิต เป็นต้น 2.สิ่งที่ใช้เงินแล้วทำให้มีความสุข ?? (spark joy) - ประเด็นนี้ Ramit ให้คนฟังคิดถึงที่ใช้เงินไปแล้ว Happy ในช่วงที่ผ่านมา ไม่เป็นจำเป็นว่า จะใช้เงินไปมากน้อยเพียงใดแต่ของให้มีความสุขเป็นพอ คำตอบที่ได้มากก็แปลกและหลากหลายดี เช่นได้กินของอร่อยจนพอใจ, ได้นั่งรถ taxi มาทำงานแทนรถไฟใต้ดิน, ได้ช่วยผ่อนบ้านให้คุณแม่, ได้ซื้อของสะสม,ได้จ้างพี่เลี้ยงเด็กช่วยดูแลลูก เป็นต้น 3. Money Dial การลองสมมติว่า สามารถเพิ่มขนาดของเงิน(งบประมาณ) เป็

Connect the Dots

สัปดาห์นี้ได้กลับไปดู Silicon Valley. ตั้งแต่ season 1-6 อีกรอบ ยังคงประทับใจฉากนี้จริงๆ ช่วงที่ Peter Gregory หาเงิน เพื่อเติมสภาพคล่องให้บริษัท startup ที่เขาไปลงทุน จากแฮมเบอร์เกอร์ของเบอร์เกอร์คิงที่เขามองเห็นโอกาสของความต้องการ sasimi seed (งาขาว) ในอุตสาหกรรมฟาสฟู๊ดมูลค่า 70 Billion ที่กำลังจะโดนผลกระทบจากแมลง Brood X Cicadas จักจั่นสายพันธ์พิเศษที่ฝังตัวในดินและพร้อมจะเติบโตจากการฝักตัวรอบ 17 ปีพร้อมกันจำนวนหลายพันล้านตัว แน่นอนว่า ประชากรแมลงที่กำลังจะเพิ่มจำนวนมหาศาล ที่ขึ้นมาจากดินพร้อมกัน ย่อมแย่งกันกัดกินพืชผลการเกษตร ซึ่ง Peter Gregory คาดการณ์ว่า sasimi seed ที่ปลูกมากในซูดาน,พม่า,อินเดียและบราซิล เป็นพื้นที่หลักที่มีประชากร Cicadas มากในอดีต, ทำให้รอบนี้ก็ไม่น่าจะรอดผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตของ sasimi seed ได้ Peter เลยเปิด Long Position ใน sasimi seed commodity Futures ,มูลค่าสัญญากว่า $60ล้านเพื่อเก็งกำไร ความกังวลใน ข่าวการระบาดของ Cicadas ผลคือปริมาณการเทรดและข่าวก็ดัน ราคา sasimi seed ในตลาดพุ่งกว่า +10% เขาทำกำไรราวๆ $6 million และใช้เงินนั้นรองรับเพื่อออกเงินกู้(l

ล้างพอร์ตคือหายนะ มันไม่ควรเป็นเรื่องปกติสำหรับเทรดเดอร์ล้างพอร์ตคือหายนะ มันไม่ควรเป็นเรื่องปกติสำหรับเทรดเดอร์

เมื่อวาน Bitcoin ราคาเปิดบวกปรับตัวไปทำ High ของวันที่ 52956 ก่อนเริ่มไหลลงมาพักที่ 51000 แล้วราคาดิ่งนรกด้วยแรงขายชุดใหญ่ ราคาลงแบบ High Volatility จากแนว 51000 ไปทำ low ที่ 42900 ในเวลาไม่ถึง 2 ชม. ก่อนดีดกลับมาพักแถว 47000 รอบนี้มาพร้อมข่าวดีในการซื้อ BTC ชุดใหญ่ของรัฐบาลเอลซัลวาดอร์ ที่โหมประโคม , แต่เหมือนจะมีการเทขายทำกำไรจากรายใหญ่ที่ทำให้ราคา BTC ในวันร่วงลงได้ -18.8% เช่นเดียวกับ Alt coin อื่นๆส่วนใหญ่ที่ราคาร่วงลงแรงเฉลี่ยราวๆ -20% เช่นกัน เรียกว่าเป็นการร่วงลงรุนแรงของตลาดคริปโต ในรอบหลายสัปดาห์ หลังปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง ภาวะ High Volatility ในเหรียญ crypto currency นี้เป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดา ดังนั้นก่อนเทรดใน crypto ควรเรียนรู้ที่จะรับมือกับมันให้ได้ก่อนเสมอ โดยเฉพาะตลาด Futures ที่ต้องใช้ Leverage ในการเทรด ไม่เช่นนั้นกำไรที่ได้มากเยอะ ก็จะหายและหมดไป ในรอบนี้ก็ตามคาดเมื่อเกิดภาวะไม่คาดฝัน, และเปลี่ยนแปลงรุนแรง High Volatiltiy , เทรดเดอร์รายย่อยใน Future Market ก็ล้างพอร์ตกันระนาวตามขาด เพราะก่อนหน้าพฤติกรรมตลาดส่วนใหญ่เทรดเดอร์ เน้นไปทาง Long Position และมีการใช้ Levera

ตกผลึกบทเรียนจาก David Gardner

  ตั้งแต่เริ่มเทรดหุ้นอเมริกาเมื่อหลายปีก่อน ผมก็ตามอ่าน The Motley Fool ,มาตลอดชอบ content และไอเดียหลายเรื่องเกี่ยวกับการเทรดและการลงทุนในเว็บที่ อ่านเข้าใจง่ายและสามารถเก็บมาทำการบ้านเจาะลึกต่อได้ วันนี้เลยอยากมาเขียนบทความเกี่ยวกับ David Gardner หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง The Motley Fool ให้ได้รู้จักกัน โดยคุณ Gardner เป็นนักลงทุนสาย techno fundamental แนวผสมทั้งพื้นฐานและการวิเคราะห์ข้อมูลราคาหุ้น เขาจะเน้นการคัดกรองหุ้นที่มีพื้นฐานดีระยะยาวที่ขับดันการเติบโตในอนาคต และมีทรงของราคาแบบในกลุ่ม momentum stocks , ซึ่งเขายกตัวอย่างหุ้นสุดปังที่เคยเทรดเช่น Costco และ Netflix ที่เขาเข้าซื้อตั้งแต่ราคาเริ่มออกตัวแรกๆ และถือครองในพอร์ต ให้กำไรเติบโตหลายปีในช่วงขาขึ้น คุณ Gardner ไม่ใช่นักเก็งกำไรระยะสั้นและไม่หว่าน เขาเน้นการหาหุ้นไม่กี่ตัวที่มีโอกาสวิ่งได้ยาว และไกล มากกว่าการเทรดสั้นตามการแกว่งของราคา ปัจจัยที่ขับดันนั้นมาจาก Business Model ของบริษัท ที่เขาแชร์ไอเดียการคัดกรองหุ้นไว้ว่า 1.ต้องหาบริษัทที่โฟกัสไปที่ธุรกิจเฉพาะ(niche market)และสามารถเป็นเจ้าตลาดได้ก่อนคู่แข่ง, 2. CEO หรือผู้บ