cwayinvestment

จากโปรเจค เตรียมการบ้านเทรดประจำสัปดาห์ ทำให้มี คนถามมาเยอะ ถึงการวิเคราะห์พฤติกรรมราคา Forex , Gold และ Crypto currency ในส่วนของการเตรียมการบ้านประจำสัปดาห์ เพื่อความกระจ่างและชัดเจน ผมเลยทำคลิปวีดีโอ อธิบายการวิเคราะห์อย่างละเอียดให้ฟัง อีกหนึ่งวีดีโอ(อันนี้จะลึกกว่าที่อธิบายในคลิปแรก) ท่านที่สนใจการวิเคราะห์ข้อมูล หรือต้องการเรียนรู้เตรียมตัวเทรดด้วยกัน ลองเข้าไปฟังในคลิปนี้ได้ครับ จะเข้าใจที่มาที่ไปและวิธีการ อย่างชัดเจน https://youtu.be/6vv_n4LZARk

วันนี้ได้ดูซีรี่ย์จีนเรื่องสามก๊ก( Three Kingdoms) พอได้เห็นเรื่องของการใช้กลยุทธ์เพื่อทำศึก เลยอดนึกโยงกลับมาทีเรื่องของการเทรดไม่ได้ เพราะการเทรดก็คล้ายกับการทำสงคราม ที่จะต้องเลือกใช้กลยุทธ์ให้เหมาะสม แต่การใช้กลยุทธ์ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ตามคนอื่นๆ ตามตำราได้ทันที แต่เอาจริงๆต้องวิเคราะห์ข้อมูล(สภาพอากาศ,ภูมิประเทศ,เวลา)และบริหารทรัพยากร(คน,อาวุธ,สเบียงอาหาร,น้ำ)ที่มีให้เหมาะสม ต้องรู้ ต้องเข้าใจกลยุทธ์ที่มีทั้ง รุก รับ บุก ป้องกัน ต้องบริหารทรัพยากรที่มีให้เป็น เพื่อให้เกิดความได้เปรียบสูงสุด เทรดเดอร์ควรมีหนึ่งกลยุทธ์ที่ชำนาญแต่ก็ควรที่จะสามารถพลิกแพลงและเลือกใช้กลยุทธ์ที่หลายทำงาน ประสานกัน บนทรัพยากรที่มี(เงิน+เวลา) และสถานการณ์ตลาดปัจจุบันที่เป็นไป เพื่อพิชิตเป้าหมายระยะยาว ,ต้องยอมหมอบให้เป็น เพื่อรักษาทรัพยากร เพราะแพ้ศึกไม่จำเป็นต้องแพ้สงครามใหญ่เสมอไป พิชัยสงครามหนึ่งที่ผมชอบมากและประยุกต์กับการเทรดได้คือ หากมีกำลังมากกว่าสิบเท่า > จงปิดล้อมข้าศึก หากมีกำลังมากกว่าห้าเท่า > จงโจมตีข้าศึก หากมีกำลังมากกว่าสองเท่า > จงแบ่งแยกข้าศึก หากมีกำลังมากน้อยกว่า > จงตั

  พอดีมีอีเมลขอคำแนะนำในการเริ่มต้นเทรดมาเยอะมาก, เพื่อให้สะดวกผมเลยเลือกเอาคลิปวีดีโอที่เหมาะสำหรับมือใหม่ จัดทำเป็น watchlist ที่แนะนำให้ดู เลือกมา 21 ตอน ที่ครอบคลุมตั้งแต่แนวคิดการเริ่มต้นหัดเทรด,ไปยันถึงการฝึกพัฒนาทักษะการเทรด แบบต่างๆด้วยตัวเอง ท่านที่เป็นมือใหม่แล้วไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ลองเข้าไปเก็บความรู้ เพื่อเริ่มต้นจากตรงนี้ก่อนก็จะง่าย ในการเรียนรู้จากคลิปวีดีโอการบรรยาย ส่วนอื่นๆต่อไปครับ รายการหัวข้อบรรยาย 1. มือใหม่จะเริ่มต้นเทรดยังไง 2.ปรับแนวคิดเพื่อการอยู่รอด 3.ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเป็นเทรดเดอร์ 4. วิธีการอยู่รอดในตลาดเก็งกำไร 5. Checklist!! เตรียมพร้อมก่อนเทรด 6. 108 เส้นทางของเทรดเดอร์ 7. กุญแจสำคัญสำหรับการเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ 8. กระบวนการทางวิทยาศาสตร์กับการเทรด 9. เลิกตามหาจองศักดิ์สิทธิ์ 10. ทำไมมืออาชีพทักษะจึงอยู่เหนือโชคชะตา 11. เทรดเดอร์และมุมมองที่เกี่ยวข้องกับ "ราคา" 12. ควรจะลาออกมาเป็นเทรดเดอร์ดีไหม? 13. ลักษณะของผู้อยู่รอด 14. ขั้นตอนการหลุดพ้นจากความล้มเหลวจากการเทรด 15. แนวทางการฝึกเทรด ด้วยตัวเอง 16. การสร้างความแข็งแกร่งข

3 Minute Paper Review ทดลองเอาหัวข้อ paper ที่เกี่ยวข้องกับการเทรด/การลงทุนที่น่าสนใจมาพูดคุยแบบสรุป ถ่ายทอดประเด็นสำคัญที่เราสามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้ได้ ให้ฟังกัน โดย EP.01 ผมนำบทความวิจัยที่ชื่อว่า "A Century of Evidence on Trend-Following Investing" ของทีมวิจัยจาก AQR Capital มาเล่าให้ฟัง ,โดยงานวิจัยนี้แม้จะขึ้นว่า Trend-Following หรือ TSMOM แต่เมื่อเจาะรายละเอียดจะพบการที่กลยุทธ์จะรอด 100 ปีในทุกภาวะตลาด ทุกสภาวะเศรษฐกิจ การบริหารจัดการความเสี่ยงและการบริหารจัดการเงิน นั้นมีบทบาทอย่างมาก ซึ่งถ้าทำได้ดีและเหมาะสม ความเทพ หรือการใช้สัญญาณเข้าออกที่ซับซ้อน(หรือที่เราเรียกกันว่าระบบเทพ) ก็เรียกว่าแทบจะไม่มีความจำเป็นแต่อย่างไร ท่านที่สนใจ อะไรแนวนี้ก็ลองเข้าไปฟังได้ที่ ลิงค์ด้านล่างครับ https://youtu.be/iXQAo7Spf9Y

หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอนเรื่องการสร้างเงินสร้างผลตอบแทน แต่สอนวิธีการหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่ทำให้ขาดทุน โดยผู้เขียนนำกรณีความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจริงในตลาดของนักลงทุนชื่อดังเช่น Warren Buffet, ,Benjamin Graham, Charlie Munger, Stanley Druckenmiller, Bill Ackman, Chris Sacca, Jack Bogle, Mark Twain และอื่นๆรวม 15 ท่าน มาให้เราได้เรียนรู้ ตั้งแต่สาเหตุของความผิดพลาด,กระบวนการลงทุนที่ผิดพลาด และวิธีการรับมือหลังเกิดความผิดพลาดแล้ว ซึ่งจุดนี้คุ้มค่าต่อการอ่านมากเพราะ นักลงทุนและเทรดเดอร์ชื่อดังเหล่านี้ ล้วนผ่านความผิดพลาดใหญ่ (บางคนไม่ใช่แค่ครั้งเดียว) แต่ก็ยังสามารถอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ได้ อ่านเล่มนี้จบ 16 บท จด Key รูปแบบความผิดพลาดไว้ Print out ติดผนัง โต๊ะเทรดไว้ คุณจะลดการขาดทุนได้ ไม่น้อยเลยครับ และที่สำคัญ มันการันตรีผล(ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ไม่ขาดทุน)และใช้ได้ตลอดกาลไม่ว่า ตลาดจะเปลี่ยนไปยังไง ไม่เหมือนวิธีการลงทุนหรือวิธีการเทรด ที่อดีตกับปัจจุบัน อาจจะต้องปรับปรุงวิธีไปตามพฤติกรรมตลาด ผมรีวิวหนังสือเล่มนี้และสรุป Key takeaway ไว้เพื่อให้ท่านที่สนใจได้เรียนรู้ ลองเข้าไปฟังได้จาก link ด้

นั่งดูรายการ Shark Tank ไปเจอดีลหนึ่งน่าสนใจมาก ดีลนี้เป็นของ Ellen Hodges, 28,และคุณ Omayya Atout, 33 (ทั้งสองกำลังจะแต่งงานกัน) ที่วิกฤติ covid-19 lockdown ตอนปี 2020 ทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถออกไปเล่นดนตรีที่เป็น side-hustle หารายได้เสริม จึงเปลี่ยนมารับจ้างแต่งเพลงฉลองในโอกาสสำคัญๆ เช่น งานแต่งงาน เป็นต้น ขายทางอินเตอร์เน็ต ปรากฏว่ามันได้รับความนิยมในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้ทั้งคู่ได้เปิดตัว Songlorious ,เว็บไซต์ที่เป็น online marketplace สำหรับนักดนตรี นักแต่งเพลงสามารถ มา list บริการรับจ้างแต่งเพลงพิเศษ สำหรับงานแต่งงาน,วันเกิด,วันครบรอบ และการแสดงต่างๆ ,คุณ Atout มองว่า การมอบดอกไม้ หรือแค่การ์ดอวยพร มันเรียบง่ายและเป็นของขวัญที่ธรรมดาเกินไป แต่การให้เพลง มันพิเศษเฉพาะและคงอยู่สามารถฟังซ้ำและรำลึกได้ จากที่เริ่มบริการ Songlorious ได้มีนักดนตรีเข้าร่วมกว่า 160 คนและรับบริการแต่งเพลงจากลูกค้าราว 11,000 เพลง โดยทั้งคู่ได้ลาออกจากงานประจำมารันธุรกิจ และหวังให้ online marketplace เติบโต ด้านตัวเลขผลประกอบการปี 2020 ทำยอดขายกว่า $650,000 และปีนี้ 2021 น่าจะขึ้นไปถึง $2.5 million , โมเดลธุ

ตัวเลข crypto user เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วข้อมูลจากรายงานประจำไตรมาส Q3 ของ coin base แสดงให้เห็นปริมาณ crypto user ที่เพิ่มมากจากช่วงเริ่มต้นปี 2014 มาถึงปัจจุบัน จากภาพเขานำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลการเติบโตของผู้ใช้งาน internet ในยุค 8 ปีแรกที่อัตราการเติบโตคล้ายคลึงกัน ซึ่งปัจจุบัน crypto user เข้าใกล้จุดเฟื่องฟูช่วงแรก, โดยรายงานระบุ ครึ่งปี 2021 กลุ่ม Crypto user ทั่วโลกได้เพิ่มมากกว่า 200 million และยังเชื่อว่าจะมีอัตราเร่งและการขยายตัวไปต่อในอนาคต , โดยมีแรงดันมาจากการพัฒนา "Decentralized applications (dapps)" (ส่วนหนึ่งของการนำ blockchain tech ไปใช้ในธุรกิจและบริการ) ประเภท DeFi , GameFi , Metaverse, NFT และอื่นๆ ที่ทำงานบน blockchain ชนิดต่างๆ เช่นเดียวกับเม็ดเงินจำนวนมากใน cryptoeconomy ที่การเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในช่วงปลายปี 2020 อยู่ที่ราวๆ ~$800 billion ,ขณะที่ปัจจุบัน Q3/2021 อยู่ราวๆ ~$2.0 trillion อานิสงค์มาจากราคา cryptocurrency ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง ปริมาณการซื้อขายรวมบน coinbase ด้าน retail trading volume อยู่ที่ $93 billion (-36% QoQ), ด้า

  ทุกวันนี้ตื่นมาอ่านโพสใน social media ไม่น้อยเลยจะเจอกับ ความคิดลบ หรือไม่ก็ต้องเจอกับ Negative People ที่อาจจะเข้ามาพาเราให้คิดลบ หรือหดหู่ไปด้วยได้ , ทำให้บางทีก็ต้องปรับสมดุล และพยายามหลีกหนีความเป็น Negative ออกไปบ้าง เพื่อนส่งคลิป "How to Stop Holding Yourself Back" ของคุณ simon sinek ,มาให้ฟังผมคิดว่าน่าสนใจดี โดยสรุป คุณ simon เล่าว่าสมองของคนส่วนใหญ่จะโฟกัสและมีปฏิกริยาตอบสนองกับ Negative ได้ดีอย่างเหลือเชื่อ เช่น ถ้าบอกว่าอย่าคิดถึงช้าง เมื่อเราได้ฟังคำสั่งสิ่งที่เกิดคือ เราก็จะคิดถึงช้างเป็นอันดับแรก , หรือกรณีนักสกีถ้าสั่งห้ามไม่ให้ชนต้นไม้ สิ่งที่เกิดคือนักสกีก็จะมองหาแต่ต้นไม้หรือพยายามจดจ่อกับต้นไม้ ,ซึ่งจะดีกว่าถ้าเปลี่ยนคำสั่งเป็นการบอกว่าให้โฟกัสที่เส้นทาง โฟกัสที่ไลน์บนหิมะแทน ดังนั้นในด้านการพัฒนาตัวเอง เขาจึงแนะนำว่า ถ้าอยากสำเร็จ หรือเปลี่ยนแปลงไปด้านดี ให้โฟกัสกับ ความคิดเห็นด้านบวก(Positive) ในหัวที่เป็นพลังส่งให้เกิดการพัฒนาต่อตัวเรา อย่าพยายามจมกับความคิดเชิงลบที่ดึงตัวเราให้จมกับที่ หรือตกต่ำลง เช่นเดียวกันต้องพยายามฝึกการมองมุมบวกเพื่อแปลงสิ่งที่ล

  พอดีวันนี้มีน้องท่านหนึ่ง email มาคุยประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ น้องเขาขอคำแนะนำเรื่องจะกลับบ้าน ไปทำงานบ้านเกิด แต่ก่อนจะลาออกจากงาน 2 ปีที่ผ่านมาพยายามเรียนรู้เรื่องการเทรดหุ้น เพื่อจะสร้างเป็นแหล่งรายได้สำรอง เพราะกลัวว่ากลับไปบ้านเกิด ที่ต่างจังหวัดแล้ว อาจจะหางานประจำหรือทำธุรกิจ ที่ได้รายได้ไม่เท่าเงินเดือนในกรุงเทพ ส่วนตัวผมค่อนข้างสนับสนุน เหมือนที่เคยบอก Key คือเรื่องความรู้ทางการเงิน การอดออมเงินทุนให้ได้มากที่สุด +การวางแผนล่วงหน้า, สิ่งที่น้องเริ่มวางแผน Portfolio structure และเริ่มการเรียนรู้&ฝึกหัดการเทรดแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่เสี่ยงเกินตัวและเป็นระบบแบบนี้ดีมาก(แม้จะยังไม่สำเร็จก็ตาม) ผมเองก็มีคนรู้จักหลายคนด้วยที่เขาใช้วิธีนี้แล้ว ก็สามารถกลับไปเป็นทำงาน หรือทำธุรกิจส่วนตัวเล็กๆอยู่ที่ต่างจังหวัดได้สบาย โดยเป็น part time trader ที่ใช้ลักษณะการเทรด ก็จะเป็นแบบ passive trading หรือใช้การเทรดแบบเน้นการสร้างกำไรต่อเนื่อง แต่ที่ไม่ต้องใช้เวลาทั้งหมดในวันเพื่อทำการเทรดเร่งสร้างกำไรก้อนใหญ่ หรือรวยเปลี่ยนชีวิตอย่างเดียว แต่เน้นการสร้างกำไร cashflow + Div yield สม่ำเสมอ , แห

หัวข้อถามมาตอบไป เรื่อง เทรดคริปโตฟิวเจอร์ยังไงไม่ให้หมดตัว เป็นหัวข้อคำถามที่มีคนถามมาเยอะคล้ายๆกัน และเป็นหัวข้อที่ยากแต่พยายามจะอธิบายให้เห็นภาพรวมให้เข้าใจง่าย โดยครอบคลุมเรื่อง basic risk management, Money management และ Loss management เพื่อเป็นแนวคิดเบื้องต้นในการเทรด crypto currency futures และน่าจะช่วยในการวางแผนก่อนเทรด เพื่อจะได้ไม่ต้องล้างพอร์ตอีกต่อไปครับ ฟังคลิปบรรยายที่ https://www.youtube.com/watch?v=Zqe-hF08QhM Lecture Note

  เรียกว่าน่าจะเป็นความเคลื่อนไหวใหญ่ของ Digital Gold ในเมืองไทย เพราะสามโปรเจค ออกมาเปิดตัวใกล้กันเลย 1.เจ้าแรกเป็น ECG + Zipmex เปิดตัว 'GOGO' token ไม่ใช่โทเคนแบบ commodity-backed stablecoins เช่น XAUT, PAXGOLD แต่เป็น utility token โดย 1 GoGo = ทองคำแท่งบริสุทธิ์ 96.5% ขนาด 1 กรัม(ปัจจุบันราวๆ 1890) โดยอิงกับราคาทองคำในประเทศไทย , ถ้าต้องการเปลี่ยน GOGO token เป็นทองคำจริง ก็แจ้งล่วงหน้าและเปลี่ยนได้ที่หน้าร้านของ ECG (ก็จะมีค่าธรรมเนียมแล้ว) โดย GOGO token สร้างบน GoldPro ซึ่งเป็น Sidechain ของ GoldGo Ethereum ตัวนี้เริ่มเทรดได้เฉพาะบน Zipmex วันที่ 5 พย. 2021 2.โปรเจคสองเปิดเมื่อปลายเดือน 25 ตค. เป็น Gold wallet แพลตฟอร์มเทรดทองคำเรียลไทม์ผ่าน app เป๋าตัง ของ KTB โดยนำร่องร่วมกับ MTS GOLD , เทรดทองคำบริสุทธิ์ 99.99% ราคาอิงกับราคา USD แบบตลาดโลก เปิดเทรด 07.00-02.00, โดยมี product ที่เลือกได้ทั้งแบบ Kg หรือ OZ (ขนาดขั้นต่ำที่ 0.1) ,เริ่มต้นขั้นต่ำการเทรดที่ราวๆ 6000 บาท , ตัวนี้ทองคำจะเก็บรักษาที่ร้านทองคำ(ยังไม่ได้มีรายละเอียดเรื่องค่าธรรมเนียมการเก็บรักษา และค่าธรรม

เมื่อวานมีคนถามเกี่ยวกับผลกระทบของ inflation กับตลาดหุ้นมา ว่าจะออกมาแบบใดๆ จริงๆมีหลายความเห็นมากนะครับทั้งกูรูเศรษฐกิจและนักวิเคราะห์ มีการคาดการณ์เอาไว้ แต่ส่วนผมจากประสบการณ์ตรง ผมคิดว่าการคาดเดา inflation รายปีมันยากจะแม่นยำ จากที่ผมได้เก็บข้อมูลผลการออกมาทำนายของกูรูต่างๆไว้ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะปัจจุบันหลัง subprime 2008 การกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางประเทศใหญ่ ทั้งด้านการทำ QE,การลดอัตราดอกเบี้ย,การทำให้ค่าเงินอ่อน และอื่นๆ ทำให้เกิดความไม่ปกติของระบบเศรษฐกิจที่ต่างไปจากอดีต ทำให้ยากมากที่จะทำนายให้แม่นยำ อีกประการคือ ยุคอดีตเราจะเห็นการเพิ่มของ inflation ไป 2 หลัก(มากกว่า 10%) เกิดมาแล้ว,ลองดูในตารางข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐจะเห็นปี 1980 เงินเฟ้อระดับ 13% แต่ดัชนี S&P ปิดบวก 13.7% เงินทุนไหลเข้าไปพักในหุ้นบางกลุ่ม แต่ปีถัดมา 1981 ดัชนีปรับตัวลง -4.7% ถ้ามองจากความสัมพันธ์ของเงินเฟ้อและดัชนีตลาดหุ้น จะพบว่ามันผสมกันและไม่มีนัยยะ (เพราะแม้ช่วง 1940-1970 จะเป็นช่วง high inflation แต่หลังจาก 1950 ก็เป็นช่วง bull market รอบใหญ่เช่นกัน)ที่จะสรุปค่าความสัมพันธ์โดยตรง , แต่ลองมองแยกรายป

  Lecture note หัวข้อถามมาตอบไป Q&A EP01-เทรดแล้วขาดทุนหนักเกือบล้างพอร์ตต้องรับมือยังไง? https://www.youtube.com/watch?v=2Opl7hKhEH0

เมื่อหัวค่ำมี live เรื่อง ETFs ตลาดหุ้นสหรัฐกับการวางแผนเทรดระยะยาว ผมพูดถึง Short ETFs หรือ Inverse ETFs ซึ่งเป็นกอง ETF ประเภทที่สร้างเพื่อปกป้องความเสี่ยงของพอร์ต และทำกำไรในช่วงตลาดขาลงหรือวิกฤติการเงิน ซึ่งมีหลายประเภท(short ในดัชนีต่างๆ,หรือหุ้นบางกลุ่ม) หลายเจ้าหลายกองทุนมาก รวมถึงมีทั้งแบบปกติ(1X)และแบบเสริม leverage (3X) ในกองทุน นี้ข้อดีในตลาด ETFs อเมริกาที่ประเภทสินค้าให้เทรดกว้าง และการเทรด ETFs ขาลงพวกนี้ต่างจาก Futures คือไม่มีวันหมดอายุ ไม่ต้องใช้ leverage ทำให้ไม่มีค่า Fee ถือครอง และ สามารถใช้เงินทุนไม่มาก บางกองหลัก $100 ก็เทรดได้ (แต่กองประเภทนี้นี้ก็มีค่า Fee เช่นเดียวกับ ETF ทั่วไปทำให้เป็นข้อจำกัดหนึ่งในการเทรดเข้าออกบ่อย ควรต้องศึกษา cost ก่อนเทรด,) กลุ่ม Short ETFs หรือ Inverse ETFs มีทั้งแบบปกติ 1X และแบบใช้ leverage 3X เจ้าดังๆเช่น ProShares UltraPro Short S&P 500 (SPXU) , ProShares Short S&P500 (SH) , Direxion Daily S&P 500® Bear 3X Shares (SPXS) และอื่นๆ ปีที่ผ่านมาตลาดสหรัฐ Bull market แรงฟื้นจากช่วงดัชนีถดถอย covid-19 ปี 2020 ปีนี้วิ่งแรง ทำ

ผม เจอคำถามหนึ่งทาง email น่าสนใจ พี่เทรดเดอร์มือใหม่ท่านนี้ถามว่าจะใช้ technical analysis อย่างไรให้เกิดกำไรสูงสุด ? ส่วนตัวผมเองไม่ได้ใช้ technical analysis เพื่อการคาดเดาหรือทำนายทิศทางราคา ดังนั้นไม่คิดเรื่องของความถูกผิดหรือแม่นยำเป็นหลัก ส่วนตัวใช้เครื่องมือเทคนิคอล เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อ/ขาย ดังนั้นสำหรับผมเครื่องมือก็คือ โมเดลในการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของข้อมูลราคา และปริมาณซื้อขาย ที่เป็นตัวแทนของภาวะตลาดนั้นเอง ส่วนจะตัดสินใจซื้อหรือขาย เมื่อไหร่, อย่างไร รายละเอียดเหล่านั้นเป็นเรื่องของกลยุทธ์ในการเทรดและโมเดลการบริหารเงิน(Money management) ในระบบเทรดที่เราพัฒนาขึ้น , ดังนั้นการจะให้เกิดประสิทธิ์ภาพ ผมเข้าใจหมายถึงมีกำไรมากกว่าขาดทุน มันจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าจะเลือกใช้เครื่องมือ technical analysis อะไร,ตั้งค่า parameter แบบไหนอย่างเดียว มันมีเรื่องของระบบเทรดมาเกี่ยวข้องเสมอ การมีระบบเทรดตัวคุมให้เรามีวินัยในการตัดสินใจ ไม่ไหลไปตามอารมณ์ , การพัฒนาระบบก็คือการทดสอบและทดลองเทรดจริงในตลาด เก็บประสบการณ์นำข้อผิดพลาด มาปรับปรุง(Optimize) โมเดลของเราให้ดีขึ้น(ในที่นี้ไม่ได้แค่

  บันทึกไว้นิดกับกราฟแสดง Beveridge Curve ภาพนี้ ถึงภาวะตลาดแรงงานในสหรัฐอเมริกา ที่มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากช่วงวิกฤติ covid-19 ,จากข้อมูลจะเห็นว่าช่วงปี Dec 2000-2008 (วิกฤติ subprime) ในกลุ่มจุดสีน้ำเงิน ตำแหน่งงานลดลงต่ำสุดราวๆ 2.5% และอัตราการว่างงานเพิ่มถึงระดับ 6%-8% สะท้อนภาวะชะลอและชะงักของเศรษฐกิจในช่วงนั้น ก่อนเริ่มปรับสมดุลในช่วงที่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจหลัง 2009 แต่ข้อมูลเส้นปะบน Post covid จะพบตำแหน่งงานในตลาด( job opening rate) นั้นมีอัตราสูงกว่า 6-7% ในช่วง ไตรมาส 3/2021 แต่อัตราการว่างงาน(unemployment rate) ไม่ได้ลดลงเหมือนช่วงอดีต (Pre-covid) กล่าวคือมีตำแหน่งงานแต่คนเลือกจะว่างงาน ดังนั้นจากแนวโน้มของ curve ในเส้นปะ ก็ค่อนข้างน่าสนใจเพราะอาจจะเกิดการขาดแคลนแรงงานในระยะสั้นได้ ถ้าคนยังไม่กลับเข้าทำงานในระบบเหมือนเช่นเดิม ,มีนักวิเคราะห์หลายคนเขียนถึงประเด็นนี้ไว้ ว่ามาจากหลายปัจจัย ส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนมุมมองของคนทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มทำงานประเภทบริการและประเภทใช้แรงงาน ที่มองเรื่องความเสี่ยงในการติดโรค covid-19 เป็นหลักก่อนที่จะสมัครเข้าทำงาน, โดยเฉพาะงานเดิมที่ให้ค่าแ

Kathy Vegh Hughes เธอเป็นเจ้าของกิจการและผู้บริหารธุรกิจครอบครัว(เช่น คาแฟ่, รีเทลสโตร์ และ pool&snooker Club)กว่า 19 ปี สิ่งที่เธอทำเพื่อคลายเครียดในเวลาว่างคือการเลี้ยงไก่ ในสวนหลังบ้าน สำหรับเธอไก่ก็เหมือนสมาชิกในครอบครัว เธอจึงลงทุนออกแบบและสร้างบ้านไก่(chicken coop) ให้สวยและดูดีแบบบ้านหมา , นอกจากความสวยงามและดูดี เธอยังทำให้บ้านไก่ของเธอให้ใช้งานได้จริง สะดวกในการทำความสะอาด ขจัดขี้ไก่ช่องแสงส่องเพียงพอและสามารถระบายกลิ่นอับ รวมถึงง่ายต่อการให้อาหารและเก็บไข่ สุดท้ายมีเพื่อนและคนรู้จักหลายคนสนใจ สิ่งที่เธอทำ เธอจึงคิดที่จะสร้างมันเป็นธุรกิจ โดยเริ่มต้นจากโมเดลบ้านไก่ไม่กี่แบบ ทดลองไปวางขายในงาน แสดงสินค้า ผลตอบรับดี ปี 2019 เธอจึงเริ่มสร้างบริษัท Cutest Coops และหาทีมงาน นักออกแบบและช่างมาร่วมผลิตเป็นสินค้าออกวางขายอย่างจริงจังผ่านทางเว็บไซต์และการโปรโมทในงานต่างๆ , เน้นออกแบบที่สวย boutique chicken coop ราคาบ้านไก่(chicken coop)มีหลายระดับตามขนาดบ้านและการออกแบบ ราคาเฉลี่ยเกือบ $3800 ระดับแพงเกือบ $12000, . ปัจจุบันเธอพัฒนา web app ให้ผู้ซื้อ สามารถมา customize สั่งผลิตแบ